กรุงไทย พาท่องไต้หวัน อิ่มบุญ-อิ่มอร่อย

 

กรุงไทย พาท่องไต้หวัน อิ่มบุญ-อิ่มอร่อย – ไต้หวัน เกาะเล็กๆ มีทั้งสิ้น 22 เขต แบ่งเป็น 17 เขตในพื้นเกาะ และอีก 5 เขต เป็นเกาะอยู่รอบๆ ซึ่งที่มีความหลากหลาย และมีสิ่งที่น่าศึกษามากมาย ทั้งในเรื่องประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่น่าสนใจครอบคลุมทั่วทั้งเกาะ รวมถึงร้านอาหารจำนวนมากที่จัดเตรียมจานเด็ดๆ หลายหลากเมนูให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มชิมรสอย่างอิ่มอร่อย

ธนาคารกรุงไทย จึงไม่พลาดโอกาส จัดทริปลุยเกาะไต้หวัน โดยพาคณะสื่อมวลชนเดินสาย ทำบุญ ไหว้พระ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งนำชมแหล่งท่องเที่ยงสำคัญๆ พร้อมกับตะลุยร้านอาหารขึ้นชื่อ สัมผัสอาหารรสเลิศของไต้หวัน นำโดย นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ KTB นายกฤษณ์ ฉมาภิสิษฐ ผู้ช่วยฯ พร้อมด้วยทีมงานกลุ่มสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร

พร้อมทีมไกด์นำเที่ยวจาก บริษัทสามเอทัวร์ สร้างความสนุกสนานได้ทั้งข้อมูลความรู้และสาระบันเทิงที่ครบครัน โดยเฉพาะไกด์ รุ่งนภา แซ่หยาง หรือ พี่ภา สาวชาวเชียงใหม่ มากประสบการณ์ ที่ปักหลักคอยดูแลให้ข้อมูลสำคัญๆ กับนักท่องเที่ยวชาวไทยเรา

ประเดิมทริปด้วยการไหว้พระแห่งแรก วัดหลงซันซื่อ ซึ่งถือเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุด ตั้งอยู่ใจกลางเมืองไทเป สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.1738 ที่สำคัญถ้ามาไต้หวันต้องมาวัดแห่งนี้ โดยตัววัดมี 3 อาคาร ตามแบบฉบับวัดไต้หวัน ทันทีที่เข้าถึงตัววัด ตามหลักความเชื่อให้เข้าทางประตูด้านขวามือ ซึ่งถือเป็นประตูมังกร และออกให้ออกทางขวามือเช่นกัน

เมื่อผ่านประตูจะมีบริการธูปฟรี (แต่ตอนนี้ลดเหลือเพียงดอกเดียว จากห้าดอก เป็นนโยบายลดมลพิษทางอากาศของไต้หวัน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี) ส่วนการไหว้ขอพรนั้น ให้บอกชื่อ ที่อยู่จริง เพื่อที่คำขอไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และคำขอจะได้เดินทางถึงตัวผู้ขอได้จริงๆ

ส่วนขั้นตอนการไหว้ ให้เริ่มจากอาคารแรกให้มาไหว้ พระพุทธรูปพระพุทธเจ้า ต่อด้วยเดินไปอาคารสอง ที่ประดิษฐาน องค์เจ้าแม่กวนอิม ถือเป็นพระประธานวัดแห่งนี้ ทั้งมีชื่อเสียงโด่งดังและศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ศรัทธาของชาวไต้หวัน และชาวจีน (ทั้งนี้สืบเนื่องจากกาลครั้งหนึ่ง เคยมีการทิ้งระเบิดทางอากาศ แต่พลาดเป้าหมาย เลยมาตกที่วัดแห่งนี้ ทำให้วัดและอาคารเสียงหายหนักมาก แต่องค์เจ้าแม่กวนอิม ไม่เป็นอะไร มีรอยถลอกเพียงเล็กน้อย)

เมื่อไหว้ขอพรเสร็จเรียบร้อย ให้เดินต่อไปด้านหลังอาคารสาม หลังสุดท้าย ซึ่งจะมีเทพหลายองค์ แต่เทพองค์หลักๆ สำคัญๆ จะมีด้วยกัน 5 องค์

เริ่มจากด้านขวามือ เทพฮวาโถว ไหว้ขอเรื่องสุขภาพ องค์สอง เทพสุ่ยเชียน เจ้าแม่คงคา ส่วนองค์ที่สาม ตรงกลาง เจ้าแม่ม่าจ้อ ขอพรเรื่องความเป็นสิริมงคลกับตัวเอง รวมถึงขอเรื่องการเดินทาง องค์ที่สี่ เทพกวนอู และปิดท้ายที่ เทพเย่วเล่า ขอเรื่องความรัก ขอแฟนขอเนื้อคู่ หลังจากไหว้เสร็จสิ้นแล้ว ให้นำธูปมาปักไว้กระถางบริอาคารที่หนึ่ง

ต่อด้วยเมืองเจียวซี ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ลัทธิเต๋า วัดซันซิง หรือ วัดซานชิงกง หรือ “สามบริสุทธิ์” ซึ่งมี 3 ปรมาจารย์สูงสุดของลัทธิเต๋า ถือเป็นผู้ปกครองสูงสุดแห่งจักรวาลทั้งหมด ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งปัจจัยหลักที่สำคัญของชีวิต 3 อย่างคือ ลมหายใจ หัวใจ และจิตวิญญาณ

ประกอบไปด้วย หยกวิสุทธิ์ คือ เง็กเช็งหยวนสื่อเทียนจุน จักรพรรดิหยก ผู้ปกครองสวรรค์ หรือ หยูจิง เป็นปรมาจารย์องค์แรกที่สั่งสอนผู้คนในยุค “อาทิกัลป์” และเคยเป็น จักรพรรดิหยก หรือ อวี้หวงต้าตี้ (เง็กเซียนฮ่องเต้) ในสมัยหนึ่ง และสละตำแหน่งเนื่องจากเบื่อหน่ายความเลวของมนุษย์ เป็นสัญลักษณ์ของพลังจักรวาล มือถือซือฮุด หรือลูกแก้วเป็นสัญลักษณ์

ต่อมาคือ เหนือวิสุทธิ์ คือ เสี่ยงเช็งหลิงเป่าเทียนจิน (รัตนะผู้วิเศษ) หรือ ชางจิง ปรมาจารย์ที่สั่งสอนผู้คนในยุค “มัชฌิมกัลป์” เป็นผู้คิดค้นวิธีควบคุมการแปรเปลี่ยนของพลัง หยิน และ หยาง เป็นสื่อกลางระหว่างโลกกับสวรรค์ และเป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้นมหาวิสุทธิ์ มือถือคฑายู่อี้เป็นสัญลักษณ์

และ บรมวิสุทธิ์ คือ ไท้เช็งเต๋าเต็กเทียนจิน หรือ ไท่เสียงเหล่ากุง (เหล่าจื้อ ศาสดาลัทธิเต๋า) หรือ ไท่จิง ปรมาจารย์ที่สั่งสอนผู้คนในยุค “ปัจฉิมกัลป์” และเป็นปรมาจารย์เหล่าจื้อผู้แต่งคัมภีร์ “เต๋าเต็กเก็ง” หรือ “เต๋าเต๋อจิน” ด้วยอักษรจีน 5,000 ตัว

ท่านได้รับการสถาปนาให้เป็นเทพชั้นผู้ใหญ่ในสมัยจักรพรรดิถังไท่จง เป็นเทพที่ปรึกษาของเง็กเซียนฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นอาจารย์ของโป๊ยเซียนอีกด้วย รูปลักษณ์เป็นชายชราใจดี ผมและเคราสีขาว มือถือพัดหรือแส้ขนจามรีเป็นสัญลักษณ์

เช่นเคย การขอพร “สามบริสุทธิ์” นั้น ให้บอกชื่อ และที่อยู่จริง เพื่อพรนั้นสมหวังจะได้กลับไปสัมฤทธิ์ผลที่ผู้ขอได้ตั้งจิตไว้ ส่วนการไหว้นั้น ให้นำผลไม้ที่เป็นมงคล เช่น ส้ม ไปไหว้ โดยเทินขึ้นเหนือหัว พร้อมกับตั้งจิตและขอพร หลังจากนั้นให้นำไปวางไว้ จุดที่ทางวัดจัดไว้ให้ หลังจากนั้นให้บอกลา ก่อนนำไปทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลทางใจ

จากนั้นไปต่อที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ทะเลสาบ สุริยัน-จันทรา ที่เมืองผูหลี่ ทั้งเป็นเขตเดียวใน 22 เขตของไต้หวันที่ไม่มีพื้นที่ติดทะเล แต่มีพื้นที่ที่เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ และเป็นพื้นที่ที่มีอากาศดีที่สุด แม้ช่วงที่พายุเข้า เมืองนี้ก็เป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุด ถนนรอบทะเลสาบระยะรวมทั้งสิ้น 33 กิโลเมตร และสูงกว่าระดับน้ำทะเล 743 เมตร ลึกถึง 27 เมตร

นอกจากนี้ หากดึงเอาความเชื่อเรื่องโหราศาสตร์เข้ามาวิเคราะห์ เมืองผูหลี่ขึ้นชื่อเรื่องโหราศาสตร์ เพราะนักโหราศาสตร์ระบุว่า หากใครที่มาเที่ยวเมืองนี้จะได้รับพลังวิเศษตามหลักโหราศาสตร์กลับบ้านไปแน่นอน

นอกจากนี้ช่วงเช้าบรรยากาศของทะเลสาบจะสดชื่นและเย็นสบาย ทั้งจะมีไอหมอกที่ปกคลุมหนาแน่น และเช่นเดียวกันทางโหราศาสตร์เชื่อว่า ไอหมอกนี้ คือ ลมหายใจของมังกร ซึ่งก็ไม่พลาดที่ชาวคณะเราจะมาสัมผัสบรรยากาศทางกลางไอหมอกนั้น บรรจงจะสูดเอาอากาศที่บริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด เพื่อความเป็นสิริมงคล และเพิ่มพลังให้กับร่างกาย

ส่วนน้ำในทะเลสาบนั้นจะเป็นสีเขียวมรกต เมื่อผิวน้ำสะท้อนกับแสงอาทิตย์นั้น คล้ายประกายเพชรที่เปล่งแสงระยิบระยับ อยากจะกระโดดน้ำลงไปเก็บเพชร ดูแล้วทำให้ชื่นฉ่ำใจอย่างมาก บวกกับช่วงเวลาที่ได้ลงเรือล่องทะเลสาบ สุริยัน-จันทรา นั้น สำราญใจอย่างยิ่ง ทั้งอากาศและวิวทิวทัศน์รอบทะเลสาบที่สวยงามเบิกบานตาและใจอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ช่วงล่องเรือชมนั้น เราจะได้ชม เกาะลาหรู อยู่กลางทะเลสาบ มีขนาดพื้นที่ 20 ตารางเมตร ถือว่าเล็กที่สุดในทะเลสาบแห่งนี้ และบนเกาะลาหรูมีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ และรูปปั้นกวางเผือก ที่ชนพื้นเมืองไต้หวันให้ความเคารพ และทุกปีจะมีประกอบพิธีทางศาสนาที่บริเวณเกาะแห่งนี้ ถือเป็นสถานที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์อีกแหล่งหนึ่ง ทำให้เกิดความสบายทั้งกายและจิตใจอย่างแท้จริง

ต่อจากนั้นเดินทางไปขึ้นรถไฟสายโบราณของไต้หวัน ที่สถานีรถไฟจิงท่ง สำหรับเส้นทางรถไฟสายนี้เป็นสายเก่าแก่ และในอดีตเคยเป็นเส้นทางลำเลียงถ่านหิน นั่งประมาณ 25-30 นาที ส่วนทัศนียภาพสองข้างทางเป็นไปด้วยความสวยงามของต้นไม้ ดอกไม้ และทิวเขาน้อยใหญ่สลับกันไป

รวมถึงวิถีชีวิตแบบชนบทที่เรียบง่ายของชาวไต้หวัน ก่อนลงที่สถานีซือเฟิน เพื่อไปปล่อยโคมสือเฟิน โดยมีร้านค้าคอยให้บริการโคมสือเฟินอยู่หลายร้าน ซึ่งเปิดให้บริการทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ละร้านจะบริการให้เขียนข้อความเพื่อความเป็นสิริมงคล รวมถึงถ่ายภาพขณะเราปล่อยให้อีกด้วย ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ทั้งชาวไต้หวัน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ

เมื่ออิ่มบุญอิ่มใจแล้ว ไปต่อด้วยกระบวนการทำให้อิ่มท้องและอิ่มกาย เริ่มจาก ร้านสุกี้ ชาบู ชิงหม่าล่า ตั้งอยู่ที่ย่านซีเหมินติง แหล่งช็อปปิ้งวัยรุ่นชื่อดังของไต้หวัน ซึ่งร้านแห่งนี้ให้บริการแบบบุฟเฟต์ หม้อซุปแบ่งเป็นสองฝั่ง แบบน้ำธรรมดา กับแบบเผ็ดซาบซ่าแบบหม่าล่า แถมด้วยน้ำจิ้มสูตรเด็ดของทางร้าน ส่วนเนื้อหมู เนื้อวัว กุ้ง ปลา ปลาหมึก ผักนั้น จัดเต็มสดๆ แบบไม่มีอั้น ที่สำคัญมีบริการของหวานมากมายไว้ตบท้ายอีกด้วย

ส่วนร้านที่สอง บรรดาเหล่านักท่องเที่ยวต้องไปสัมผัส เพราะถือเป็นไฮไลต์สำคัญของไต้หวัน คือ ตึกไทเป ร้อยเอ็ด หรือ ตึกไทเป 101 เป็นตึกที่สูงที่สุดของเกาะ และเคยได้ชื่อว่าสูงที่สุดของไต้หวัน ส่วนการงานด้านวิศวกรรมถือว่าสุดยอดสูงถึง 508 ที่สำคัญทุกขั้นตอนการเนรมิตนั้นถูกกำหนดไว้ตามหลัก “ฮวงจุ้ย” ทุกประการ ถือเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกทุกทัวร์

แต่นั้นไม่สำคัญเพราะเป้าหมายของเราคือ ชั้นใต้ดิน บี1 ของ ไทเป 101 ไปทานอาหารที่ ร้าน Din Tai Fung หรือ ร้าน ติ่น ไท่ ฟง ขึ้นชื่อเมนู เสี่ยวหลงเปา ซึ่งมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน จนได้เป็นต้นตำรับเจ้าแรกของไต้หวัน

สำหรับขั้นตอนการกิน เสี่ยวหลงเปา ก็ไม่ธรรมดา สิ่งสำคัญต้องกินร้อนๆ ชนิดเสิร์ฟปุ๊บต้องใช้ตะเกียบคีบกินปั๊บ สัมผัสรสชาติดั่งเดิมแบบสดๆ และร้อนมากๆ ส่วนกรรมวิธีการกินไม่ยุ่งยาก เทน้ำจิ้มสองชนิดผสมให้เข้ากัน คีบเสี่ยวหลงเปา วางบนช้อน แหวกด้านบนเสี่ยวหลงเปาขึ้น ตักซอสที่ผสมไว้ เทลงไปรอยแยก ก่อนบรรจงซดน้ำซุปด้านใน จะได้ความสดชื่นแบบต้นฉบับ และความร้อนแบบสดๆ ปิดท้ายด้วยใส่ชิ้นนั้นเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย

ด้านเมนูต่างๆ ของทางร้านก็มีมากมาย สั่งได้ตามอัธยาศัย อาทิ เสี่ยวหลงเปา สารพัดไส้ ซุปเสฉวน เจียนเจี่ยว หรือคล้ายๆ เกี๊ยวซ่า ที่บ้านเรา ถ้าไม่หนักท้อง ข้าวผัด มาเติมเต็มได้

ส่วนเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไม่แพ้ความอร่อยของอาหาร ร้าน ติ่น ไท่ ฟง คือ การให้บริการที่ชัดเจน สุภาพ เอาใจใส่ลูกค้าประดุจผู้มีพระคุณ ที่สำคัญเด็กเสิร์ฟที่แห่งนี้ ทุกคนจะพูดได้หลากหลายภาษา โดยเฉพาะภาษาไทย พอรู้ว่าเป็นคนไทย เด็กเสิร์ฟที่พูดภาษาไทยจะเข้ามาบริการทันที พร้อมเมนูที่เป็นภาษาไทยอีกด้วย ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะสั่งไม่รู้เรื่อง

 

อีกประการคือ บรรดาเชฟทุกคน จะแสดงฝีมือประกอบอาหารภายในห้องกระจก เพื่อให้ผู้บริโภคมองเห็นการผลิตได้ทุกขั้นตอน แบบไลฟ์สดๆ แต่ที่จับใจคือ ราคาไม่แพงอย่างที่คาดไว้ เมื่อเทียบกับขั้นตอนการให้บริการ ดังนั้นรับประกันคุ้มค่าการรอคอย ( เพราะคนมารอทานเยอะมาก รอนานมาก ต้องจองโต๊ะล่วงหน้าจริงๆ )

ทริปไต้หวันครั้งนี้ ถือเป็นทริปที่ ธนาคารกรุงไทย รังสรรค์ความสนุกสนานได้อย่างมากมาย ทั้งได้ทำบุญวัดสำคัญๆ พาเที่ยวชมสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ทานอาหารร้านมีชื่อ อิ่มทั้งบุญอิ่มทั้งท้อง สุขทั้งกายสุขทั้งใจ


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน