ปักหมุดมาเลเซีย ‘ช็อป-ชิล-กิน’สุดเพลิน

โดย… ปัทมา ทองสิน

ปักหมุดมาเลเซีย ‘ช็อป-ชิล-กิน’สุดเพลิน – หากกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวชิลชิล ไปสั้นๆ 2-3 วัน แนะนำให้ปักหมุดที่ “กรุงกัวลาลัมเปอร์” เมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย

ที่นี่มีหลายสถานที่ท่องเที่ยวหลากสไตล์ ซึ่งน่าจะโดนใจทุกไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ และเราจะพาไปเช็กอินในแหล่ง “ช็อป ชิล กิน”

ทางเดินอาร์ตๆ ระหว่างไปตึกแฝด

เริ่มต้นด้วยแหล่งช็อปปิ้ง ในย่านบูกิตบินตัง ถือเป็นย่านที่ทันสมัยที่สุด และอยู่ใจกลางเมืองของกัวลาลัมเปอร์ เป็นแหล่งรวมสินค้า แบรนด์เนม ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร โดยร้านแบรนด์ต่างชาติจะนิยมมาเปิดที่ย่านนี้เป็นที่แรก และพาวิลเลี่ยน เป็นช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของย่าน ถูกใจขาช็อปแน่นอน และเราเองได้พักที่โรงแรมแกรนด์มิลเลนเนียม ตั้งอยู่ในย่านนี้ด้วย

ตึกแฝดปิโตรนาส

ไปต่อกันที่จุดแลนด์มาร์กมาเลเซีย ตึกแฝดปิโตรนาส หรืออาคารเคแอลซีซี เป็นตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก สูงถึง 451.9 เมตร มีทั้งหมด 88 ชั้น ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจ

เดินทางมาได้ไม่ยาก จุดเริ่มต้นที่พาวิลเลี่ยน แล้วเดินบนทางเชื่อมสะพานลอยฟ้า ที่ติดกับช็อปปิ้งมอลล์ ไปตามทางผ่านจุดน่าสนใจมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ, ศูนย์วิทยาศาสตร์, ศูนย์ประชุม, ซูเรีย ช็อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ และสวนสาธารณะ

ธงชาติมาเลเซียที่จัตุรัสเมอร์เดก้า

ตลอดทางมีมุมอาร์ต อยากได้รูปเฟียสๆ สามารถแวะถ่ายได้ กว่าจะเดินไปถึงจุดหมายตึกแฝดจึงใช้เวลานานกว่าปกติ และเมื่อไปถึงต้องอุทานว่า “โอ้ว!!.. ทำไมคนเยอะจัง” โดยรอบอาคารมีทั้งคนมาเลย์ นักท่องเที่ยวมากมายต่างมาเช็กอินกับคู่ตึกแฝด ในยามค่ำคืน ทำให้ต้องออกแรงหามุมแจ่มๆ อยู่นานกว่าจะได้รูปที่พอใจ

เซ็นทรัล มาร์เก็ต

แต่หากอยากได้รูปที่สวยงาม และเห็นความยิ่งใหญ่ของตึกแฝดได้เต็มๆ แนะนำให้พกเลนส์มุมกว้างไปด้วย

ใช้เวลาชิลครั้งนี้ไปเกือบ 2 ชั่วโมง จึงแนะนำว่าควรหาของอร่อยท้องถิ่นมาเลย์ก่อนไปเดินเที่ยวต่อก็น่าจะดี แนะนำร้าน Madam Kwan cuisine อยู่ในพาวิลเลี่ยน เป็นอาหารท้องถิ่นระดับเหลา แต่ราคาสบายกระเป๋า และต้องลองเมนูเรียกน้ำย่อย Malaysia Chicken And Beef Satay With Traditional Peanut Sauce เป็นไก่สะเต๊ะ+เนื้อสะเต๊ะ สูตรต้นตำรับของมาเลเซีย กินกับ น้ำจิ้มถั่วลิสงป่น รสชาติหอมกลมกล่อมหวานมัน ส่วนจานหลักเป็นเมนูแนะนำของร้าน เรียกว่า nasi bojari ข้าวผัดสไตล์มาเลย์ เสิร์ฟพร้อมไก่ทอด และสตูเนื้อ

อาหารท้องถิ่นจานหลัก nasi bojariและขนมหวานสไตล์มาเลย์

อีกเมนูที่เป็นอาหารประจำชาติ คือ char kway teow หน้าตาคล้ายผัดไทยบวกผัดซีอิ๊ว ส่วนเรื่องรสชาติใช่เลยผัดซีอิ๊ว แต่อร่อยหอมกลิ่นกระทะมาก กินคู่กับเกี๊ยวกุ้งน้ำ เข้ากันดีทีเดียว

ก่อนปิดท้ายด้วยของหวาน Cendol เป็นเหมือนน้ำแข็งไสใส่ลอดช่องบ้านเรา แต่มาเลย์เสิร์ฟแบบใส่น้ำแข็งไสด้านล่าง โปะด้วยลอดช่องและถั่วแดง ช่วงนี้หน้าทุเรียนใส่เพิ่มด้านบน เติมเต็มความกลมกล่อมด้วยการราดน้ำเชื่อมที่แยกมาต่างหาก ให้รสชาติชื่นใจดี

เช้าวันต่อมา มุ่งไปที่ พระราชวังอิสตานา เนการา เป็นพระราชวังแห่งชาติ ซึ่งเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระราชาธิบดีของมาเลเซียแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่เนินเขาสามารถมองเห็นวิวของกัวลาลัมเปอร์ได้ จากสถานที่แห่งเดิมอยู่ในใจกลางเมืองและมีขนาดเล็ก

พระราชวังอิสตานา เนการา

พระราชวังแห่งใหม่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่นด้วยสีของโดมจะเป็นสีทอง ซึ่งเป็นสีประจำพระราชวงศ์ของมาเลเซีย บริเวณด้านหน้าพระราชวังจะมีเสาธง ถ้าหากธงขึ้นสู่ยอดเสาแสดงว่าพระราชาธิบดีประทับอยู่ด้านในพระราชวัง แต่ที่นี่สามารถถ่ายภาพได้เพียงภายนอกเท่านั้น

จากนั้นเดินทางไปเช็กอินกันต่อที่ จัตุรัสเมอร์เดก้า ที่มีความหมายว่าอิสรภาพ เป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ของมาเลเซีย เพราะเป็นสถานที่จัดพิธีคืนความเป็นเอกราช ซึ่งธงชาติอังกฤษถูกปลดลงแทนที่ด้วยธงชาติมาเลเซีย และคำว่าเมอร์เดก้าหมายถึงเอกราช จุดเด่นอยู่ที่เสาธงขนาดใหญ่สูง 100 เมตร เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอาคารในยุคอาณานิคมและกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมอังกฤษ เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดหากมากัวลาลัมเปอร์

จัตุรัสเมอร์เดก้า

เอาใจขาช็อปกันบ้าง กับแหล่งจับจ่ายสินค้าพื้นเมือง ณ เซ็นทรัล มาร์เก็ต ด้านนอกเป็นอาคารสีฟ้าอ่อน ภายในมี 2 ชั้น และติดแอร์ทั้งตึก มีร้านค้าของสินค้าพื้นเมือง ของที่ระลึก งานศิลปะ ผ้าบาติก งานหัตถกรรม เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า รวมถึงของตกแต่งบ้าน มีให้เลือกช็อปแบบราคาดีถูกใจ และราคาแพงแต่ต่อรองได้

ด้านนอกยังมีลานขายอาหาร เครื่องดื่ม กาแฟ น้ำผลไม้ต่างๆ ร้านอาหารนานาชาติ และมีเวทีกลางแจ้งของตลาดไว้สำหรับจัดศิลปะการแสดงและกิจกรรมทางวัฒนธรรมเป็นประจำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของเชื้อชาติในมาเลเซีย

วัดเทียนฮัวและโคมไฟแบบจีนสีเหลือง-แดง

สถานีต่อไปเลือกปักหมุดที่วัดเทียนฮัว วัดจีนที่เก่าแก่และใหญ่โตที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างขึ้นเพื่อบูชาเจ้าแม่ทับทิม หรือเทียนฮัว ตามความเชื่อของคนจีน

จุดเด่นและเอกลักษณ์อยู่ที่โคมไฟแบบจีนสีเหลือง-แดงแขวนอยู่เรียงราย สถาปัตยกรรมเป็นแบบผสมระหว่างสมัยใหม่และแบบจีนดั้งเดิม หลังคาทรงจีนลดหลั่นลงมา 6 ชั้น เมื่อเข้าไปภายในตกแต่งสวยงาม และมีรูปปั้นเจ้าแม่ทับทิมและรูปปั้น เจ้าแม่กวนอิมให้สักการะกราบไหว้ด้วย

ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งวัฒนธรรมกับสถาปัตยกรรมที่สวยงาม แต่ออกมานอกเมืองกัวลาลัมเปอร์ ประมาณ 25 กิโลเมตร มุ่งหน้าไปทางตอนใต้กับเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า “ปุตราจายา” ตั้งในเขตรัฐสลังงอร์ เป็นเมืองใหม่แห่งอนาคต สร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการบริหารประเทศ และความทันสมัย สถาปัตยกรรมเมืองนี้จึงดูทันสมัย มีทะเลสาบกว้างใหญ่ สะพานที่สวยโดดเด่น และถนนกว้างขวางที่เต็มไปด้วยแนวต้นไม้สองข้างทาง ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในยุโรป หรืออเมริกา

เมืองปุตราจายา

มาที่นี่เป้าหมายอยู่ที่มัสยิดปุตรา สวยสง่าตั้งอยู่ริมทะเลสาบ ด้วยตัวอาคารและยอดโดมของมัสยิดจะมีสีชมพูอ่อนหวาน ทำให้ดูโดดเด่น ตัวอาคารมีศิลปะแบบอิสลาม มียอดโดมสูง ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากมัสยิดชีกโอมาร์ ในกรุงแบกแดด ใช้เป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม

มัสยิดสีชมพูปุตรา

เปิดให้เข้าเยี่ยมชมภายในมัสยิดชั้นนอก ซึ่งนักท่องเที่ยวผู้หญิงจะต้องใส่ชุดคลุมผมที่ทางมัสยิดจัดเตรียมไว้ก่อนเข้าไปด้านใน เพื่อความสุภาพเรียบร้อยตามศาสนา และบริเวณด้านข้างมัสยิดจะมีทะเลสาบให้ถ่ายรูป หรือจะนั่งพักผ่อนรับลมเย็นๆ ได้ หากหิวลงไปด้านล่างมีฟู้ดคอร์ตไว้ให้บริการด้วย

จบทริปแบบครบรสหลากสไตล์แล้ว ขอขอบคุณบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล และหากใครได้ไปเที่ยวมาเลเซีย แวะมาเขตรัฐสลังงอร์ อย่าลืมไปเซ็นทรัล ไอซิตี้ เปิดให้บริการแล้วที่รัฐแห่งนี้ในเมืองชาห์อลัม

รับรองความอลังการ และต้องภูมิใจในศูนย์การค้าไทยแห่งแรกในต่างแดน