ชีวิตดี๊ดีที่กรุงเวียนนา ดินแดนสุดโรแมนติก

ชีวิตดี๊ดีที่กรุงเวียนนา ดินแดนสุดโรแมนติก – ก่อนออกจากเมืองไทยตั้งใจว่าทริปนี้ ต้องสูดหายใจให้เต็มปอด เพราะ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะพาบินไปเยือนเมืองที่ได้แชมป์คุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลกประจำปี 2019 อย่าง “กรุงเวียนนา” เมืองหลวงของสาธารณรัฐออสเตรีย ที่ตั้งอยู่ตอนกลางของทวีปยุโรป

ที่สัมผัสได้ทันทีคือความสงบ สะอาด และเขียวขจีไปด้วยป่าฟอกปอดที่มีเกือบ 40 แห่งทั่วเมือง สูดหายใจเข้าไปอย่างสดชื่น ลืมอาการจามจากโรคภูมิแพ้ไปเลย

การคมนาคมก็มีความสะดวก หลากหลาย ไร้รอยต่อ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยระบบไฮสปีดเทรน รถไฟฟ้าใต้ดิน รถราง จักรยาน รถเมล์ สกู๊ตเตอร์ หรือแม้กระทั่งการเดินเท้า

แม้ระบบขนส่งที่ว่ามานี้จะอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน แต่มีความปลอดภัยสูง เพราะมีเลนเฉพาะบนพื้นถนนเดียวกัน ทำให้คนเกือบ 2 ล้านคนที่นี่ไม่มีปัญหารถติดให้กวนใจ

ชีวิตดี๊ดีที่กรุงเวียนนา ดินแดนสุดโรแมนติก

นั่งรถรางแสนสะดวก

ชีวิตดี๊ดีที่กรุงเวียนนา ดินแดนสุดโรแมนติก

มีเลนเฉพาะรถแต่ละประเภท

นอกจากนี้คนเวียนนาดูเป็นพวกหัวเสรี เปิดใจยอมรับเพศทางเลือก หรือ LGBT ขนาดทำไฟจราจรเป็นรูปคู่รักชายชาย และหญิงหญิงเดินจูงมือพร้อมมีรูปหัวใจเป็นแห่งแรกของโลกด้วย บังเอิญช่วงที่ไปเยือนเป็นช่วง Pride Month เดือนแห่งการเฉลิมฉลองของชาวสายรุ้งพอดี เลยมีโอกาสได้ดื่มฉลองไปกับเขาด้วย

ชีวิตดี๊ดีที่กรุงเวียนนา ดินแดนสุดโรแมนติก

โค้กโลโก้สีรุ้ง

ความที่เป็นเมืองประวัติศาสตร์ทำให้เวียนนามีสถาปัตยกรรมที่ดูงดงาม โรแมนติกสมฉายา “นครแห่งเสียงดนตรี” เพราะอดีตเคยเป็นศูนย์รวมของนักดนตรีชื่อก้องโลก อย่าง บีโธเฟน, โมซาร์ต รวมถึงราชาเพลงวอลซ์ โยฮันน์ ชเตราสส์ จูเนียร์ ผู้ประพันธ์เพลง The Blue Danube ที่คนหลงใหลกันไปทั่วโลก ซึ่งชาวเวียนนาได้สร้างรูปปั้นสีทองอร่ามของท่านเอาไว้ระลึกถึงภายในสวนสาธารณะสตัดต์พาร์ก ในเขตเมืองเก่ากลางกรุง

ชีวิตดี๊ดีที่กรุงเวียนนา ดินแดนสุดโรแมนติก

โยฮันน์ ชเตราสส์ จูเนียร์

โรงอุปรากรโบราณ ที่งดงามด้วยศิลปะแบบ นีโอ-เรนาซอง อายุ 150 ปี ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเมืองเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ให้หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย เพื่อรอชมการแสดงดนตรีคลาสสิคระดับเวิลด์คลาสที่นี่ สนนราคาตั๋วมีตั้งแต่ราคาหลักพันจนถึงหลักหมื่นบาท

แต่ถ้าคุณไม่ใช่สายมิวสิค ก็สามารถเดินเลยโอเปราเฮาส์ไปนิดจะได้พบกับ ย่านที่สาวๆ สายแฟต้องร้องขอ อย่างถนนคาร์ตเนอร์ ที่ตลอดสองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านขายสินค้าแบรนด์เนม สุดหรูร้านอาหาร และคาเฟ่เก๋ไก๋ให้นักเที่ยวได้ชิม ช็อป กันจนมันหยดติ๋งๆ

ชีวิตดี๊ดีที่กรุงเวียนนา ดินแดนสุดโรแมนติก

จัตุรัสสเตฟาน

หากช็อปเพลินจนตังค์หมด แนะนำให้เดินไปสงบจิตใจแถวๆ จัตุรัสสเตฟาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น อันศักดิ์สิทธิ์ สัญลักษณ์ประจำกรุงเวียนนา วิหารแห่งนี้มีความโดดเด่นด้วยยอดหอคอยปลายแหลมแบบโกธิกโบราณที่สร้างขึ้นอย่างชดช้อยงดงาม ผสมผสานได้ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ กับหลังคาโบสถ์มุงกระเบื้องหลากสีสัน ลายซิกแซ็กสมัยใหม่สำหรับคนที่ชอบกินบรรยากาศสามารถขึ้นหอคอยชมวิวเมืองได้แบบ 360 องศาอีกด้วย

ชีวิตดี๊ดีที่กรุงเวียนนา ดินแดนสุดโรแมนติก

พระราชวังโฮฟบวร์ก

ลงจากหอคอยเราเดินต่อไปชมความงามของพระราชวังโฮฟบวร์ก ศูนย์กลางการปกครองของพระราชวงศ์โฮฟบวร์ก ตั้งแต่ ค.ศ.1273-1918 พระราชวังถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน เพราะมีการต่อเติมหลายครั้งทั้งที่เป็นพระราชวังเดิม และวังใหม่ มีหลักฐานบันทึกไว้ว่าเมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสออสเตรีย เมื่อปี พ.ศ.2440 พระองค์ทรงประทับที่พระราชวังแห่งนี้ด้วย โดยพระจักรพรรดิ ฟรานซ์ โยเซฟ ได้ทรงเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีราชวงศ์ เสด็จมารับด้วยพระองค์เอง แสดงถึงสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างออสเตรียกับสยามประเทศที่มีมาช้านาน

ชีวิตดี๊ดีที่กรุงเวียนนา ดินแดนสุดโรแมนติก

พระราชวังเบลเวอเดียร์

พระราชวังเบลเวอเดียร์ เป็นอีกแห่งที่เราไปเยี่ยมชม คือสถาปัตยกรรมสไตล์บาร็อก ที่งดงามแห่งศตวรรษที่ 18 ในอดีตสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของเจ้าชายยูจีนแห่งซาวอย ผู้บัญชาการทหารแห่งจักรวรรดิออสเตรีย ปัจจุบันถูกปรับให้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ชิ้นที่โด่งดังที่สุดคือภาพเขียนแบบอาร์ตนูโว The Kiss ของ กุสตาฟ คลิมต์ ที่หลายๆ คนคุ้นเคย

พระราชวังแห่งสุดท้ายที่พลาดไม่ได้ เพราะเป็นไฮไลต์ของเวียนนา คือพระราช วังเชินบรุนน์ อาคารสถาปัตยกรรมแบบร็อกโคโค่ สีเหลืองทองอร่ามที่หรูหราอลังการของราชวงศ์โฮฟบวร์ก สร้างขึ้นช่วงปลายศตวรรษที่ 17 โดยจักรพรรดิมักซีมีลีอานที่ 2 ต่อมาภายหลัง จักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา ได้ต่อเติมและปรับปรุงจนสวยสดงดงาม ซึ่งยูเนสโกได้ขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลกเมื่อปี 1996

ชีวิตดี๊ดีที่กรุงเวียนนา ดินแดนสุดโรแมนติก

ห้องทรงพระสำราญ

ตัวพระราชวังเป็นตึก 3 ชั้น มีห้องต่างๆ มากถึง 1,441 ห้อง แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพียง 40 ห้อง อาทิ ห้องทรงพระสำราญ ห้องเสวย ห้องฉลองพระองค์ ทุกห้องประดับตกแต่งด้วยวัสดุที่วิจิตรบรรจงทั้งหินอ่อนลายทอง และภาพวาดศิลปะปูนเปียกที่งดงาม รอบๆ พระราชวังก็งามไม่แพ้กันมีทั้งสวนกุหลาบ อุทยานสวนดอกไม้ขนาดใหญ่และรูปปั้นศิลปะเทพนิยายกรีกให้ได้ชื่มชมกันแบบอิ่มตา แต่ถ้าไม่ชอบเดินก็สามารถเช่ารถม้าโบราณนั่งชมรอบวังได้แบบเพลินๆ

ชมวังกันเต็มอิ่มแล้ว ขอพักขาพาไปหาข้าวใส่ท้องที่ Weingut Feuerwehr Wagner ร้านอาหารดั้งเดิมของตระกูล Wagnerg เจ้าของไร่องุ่นเก่าแก่ 330 ปีของเมือง

ชีวิตดี๊ดีที่กรุงเวียนนา ดินแดนสุดโรแมนติก

ตลาดแนชมาร์ก

ที่นี่มีอาหารพื้นถิ่นให้กินแบบหลากหลาย ที่ไม่พลาดคือ อาหารประจำชาติอย่าง เวียนนาชนิตเซล เนื้อแผ่นบางที่นำมาทุบให้แบนโรยเกลือ ชุบแป้ง คลุกไข่และเกล็ดขนมนำไปทอด กินกับสลัดและสารพัดผักดองรสชาติอร่อยถูกปากคนไทย

ชีวิตดี๊ดีที่กรุงเวียนนา ดินแดนสุดโรแมนติก

เวียนนา ชนิตเซล

ชีวิตดี๊ดีที่กรุงเวียนนา ดินแดนสุดโรแมนติก

แอปเปิ้ลสตรูเดิ้ล

ล้างปากด้วย แอปเปิ้ลสตรูเดิ้ล ขนมหวานดั้งเดิมที่มีส่วนผสมของแอปเปิ้ล ห่อด้วย แป้งพายพับอบกรอบอร่อยล้ำมากๆ

ก่อนกลับขอไปสัมผัสชีวิตคนเวียนนาแบบใกล้ๆ ที่ตลาดแนชมาร์ก ตลาดเก่าแก่กลางศตวรรษที่ 16 แรกเริ่มเป็นตลาดค้านมในถังไม้ แต่ต่อมาเกษตรกรท้องถิ่นเริ่มนำผลิตผลในไร่อื่นๆ มาขาย ทำให้ร้านค้าขยายจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นคลังอาหารแห่งกรุงเวียนนา มีทั้งของสดและวัตถุดิบในการทำอาหาร ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ไส้กรอก ฯลฯ ให้เลือกหลากหลาย

ปัจจุบันยังมีร้านอาหารเก๋ๆ เปิดอยู่ภายในตลาดให้คลายหิวอีกด้วย

ชีวิตดี๊ดีที่กรุงเวียนนา ดินแดนสุดโรแมนติก

ไอศกรีมเจลลาโตกัญชา

แถมวันเสาร์ยังเปิดเป็น Weekly Flea Market หรือตลาดนัดขายของมือ 2 ที่ผู้คนได้นำข้าวของเครื่องใช้ หนังสือ เครื่องตกแต่งบ้าน รวมทั้งของที่ระลึกมาวางขาย ที่สะดุดตาจนต้องซื้อแบบไม่ลังเลคือลูกไม้ประดับกระจกลายน่ารักๆ ซึ่งเป็นสินค้าแฮนด์เมดท้องถิ่นขึ้นชื่อของที่นี่

อีกร้านที่สะดุดตาสุดๆ คือช็อปผลิตภัณฑ์จากกัญชาของชาวสายเขียว มีทั้งน้ำมันกัญชา หรือแม้กระทั่งไอศกรีมเจลลาโตกัญชา แต่พวกเราไม่ได้ซื้อกลับมา

เรียกว่าทริปนี้ได้ซึมซับคุณภาพชีวิตดี๊ดีที่เวียนนามาอย่างเต็มอิ่มเลยทีเดียว


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน