“ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง”

เป็นอีกครั้งที่ได้ไปเยือน หลวงพระบาง เมืองมรดกโลก ประเทศลาว ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งตอนนี้นักเดินทางที่มาเป็นอันดับหนึ่งคือ จีน ส่วน ไทย ติดอันดับสอง

ยิ่งตอนนี้การข้ามชายแดนจากบ้านเราไปเมืองท่องเที่ยวชื่อดังแห่งนี้ ถนนหนทางสะดวก หรือจะไปทางเรือก็ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะไปจากทาง จ.เลย หรือ จ.น่าน ทำให้คนไทยมีโอกาสไปเที่ยวหลวงพระบางกันได้แบบสบายๆ เช่นเดียวกันคนทางโน้นก็มา เมืองน่าน เมืองเลย ได้ง่ายขึ้น

ถ้ามองเผินๆ จะเห็นว่าหลวงพระบางวันนี้เหมือนเดิม เพราะไม่มีตึกสูงใหญ่ตระหง่านเหมือนเมืองท่องเที่ยว หรือเมืองเศรษฐกิจทั่วไป แต่ในความเป็นจริงมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับโลกยุคทุนนิยม

การมาหลวงพระบางคราวนี้เป็นไปตามคำเชิญของทางการหลวงพระบาง ซึ่งติดต่อไปยัง นายเกียรติพงษ์ คชวงษ์ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเลย เพื่อขอให้เชิญนักข่าวไทยไปร่วมงานแถลงข่าวปีท่องเที่ยวลาว 2018 และยังมีนักข่าวจากจีนและกัมพูชามาร่วมด้วย เป็นการแถลงข่าวใหญ่ของที่นั่น

โดย นายวงสะหวัน เทบพะจัน รองเจ้าแขวงหลวงพระบาง เป็นประธานแถลง ที่หอประชุมแขวงหลวงพระบาง และก่อนแถลงจัดแสดงฟ้อนรำหลายชุด สวยงามอ่อนช้อยมาก

นายวงสะหวัน บอกว่า รัฐบาลลาวมีนโยบายพัฒนาการท่องเที่ยวหลวงพระบางให้มั่นคงยั่งยืน จะต้องสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวอีกหลายอย่าง รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือต้องรักษาความเป็นมรดกโลกของหลวงพระบาง รักษาความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และรักษาสิ่งแวดล้อมพร้อมๆ กันไปด้วย

แม้รองเจ้าแขวงหลวงพระบางจะไม่ได้แจกแจงรายละเอียด แต่สิ่งที่คนต่างถิ่นได้เห็นคือ กำลังขุดท่อเพื่อนำสายไฟที่เคยอยู่บนดินลงใต้ดิน ถนนหนทางสะอาดสะอ้าน รวมทั้งวัดวาอารามและตลาด

ในปีท่องเที่ยวลาวนี้ทางรัฐบาลและแต่ละแขวงได้จัดกิจกรรมไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว อาทิ งานบุญปีใหม่ชนเผ่าขมุ แขวงอุดมไซ งานบุญปีใหม่ลาว (สงกรานต์) แขวงหลวงพระบาง เป็นต้น

ปัญหาหนึ่งของการท่องเที่ยวในหลวงพระบาง คือนักท่องเที่ยวมักไม่ไปซ้ำ ด้วยเหตุนี้เองทางการจึงต้องโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆ อย่างเช่น เมืองงอย อยู่ห่างจากตัวเมืองหลวงพระบางไปประมาณ 150 กิโลเมตร

จุดเด่นของเมืองนี้อยู่ที่ความสวยงามของวิวทิวทัศน์ที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาสูง ในหน้าหนาวมีทะเลหมอกให้เห็น และที่นั่นยังเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการปีนเขา และล่องแก่งอีกด้วย

ส่วนใครที่ชอบการท่องเที่ยวเชิงเกษตรก็ไปชมกันได้ เพราะมีสวนส้มเขียวหวานอยู่หลายสวน

ตามโปรแกรม ทางท่องเที่ยวของหลวงพระบางจัดให้สื่อมวลชนจาก 3 ประเทศ ไปตามวัดวาอารามต่างๆ หลายคนเคยไปมาแล้วอย่างวัดเชียงทอง หรือขึ้นภูสีไปดูวิวเมืองหลวงพระบาง และไปพิพิธภัณฑ์

จึงขอไปจุดอื่นบ้าง อย่างเช่น น้ำตกกวางซี มีนักท่องเที่ยวจีนหลายคณะ รวมทั้งคณะนักท่องเที่ยวจากบ้านเรา น้ำตกแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากหลวงพระบาง แค่ 30 กว่ากิโลฯ

ช่วงเวลา 3 วัน 2 คืนที่หลวงพระบาง ได้เห็นแม่ค้าเวียดนามมาขายเสื้อผ้าในตลาดเช้า ส่วนถนนคนเดินก็มีสินค้าเวียดนามมาวางขายเช่นกัน ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนจะไม่มีแบบนี้ เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ขณะที่นักธุรกิจของจีนหลายราย เข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจท่องเที่ยวในหลวงพระบางหลากหลายรูปแบบ เพราะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวเพิ่มมากขึ้นๆ

สำหรับนักท่องเที่ยวจีนแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือนักท่องเที่ยวจีนที่นั่งเครื่องบินมาจากปักกิ่ง หรือเซี่ยงไฮ้ พวกนี้เป็นคนจีนที่มีการศึกษา มารยาทดี กำลังซื้อสูง เป็นที่ชื่นชอบของเจ้าบ้าน

ส่วนนักท่องเที่ยวจีนที่ขับรถมาจากมณฑลที่ติดกับลาว อย่างมณฑลยูนนาน พวกนี้เป็นคนจีนที่กระเป๋าไม่หนัก และยังไม่ค่อยคุ้นเคย หรือเรียนรู้การท่องเที่ยวในต่างแดนมากนัก

วันนี้แม้หลวงพระบางจะมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างคืบคลานเข้ามา แต่เสน่ห์ของเมืองนี้ยังอยู่ครบ

โดยเฉพาะความน่ารัก อัธยาศัยไมตรีของผู้คน รวมถึงขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม ซึ่งสืบทอดกันมายาวนาน ถือเป็นจุดขายสำคัญของเมืองมรดกโลกแห่งนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน