โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง เข้มข้น ทั้งการหาเสียง ทั้งเรื่องข่าวโจมตีต่างๆที่ออกมา หลายพรรคงัดท่าไม้ตายเปิดนโยบายโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดชูโรงสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ใช้สิทธิเกิดการตัดสินใจเลือกพรรคที่ชอบคนที่ใช่กันได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

สำหรับพรรค “พลังประชารัฐ” ก่อนหน้านี้ได้เปรียบอยู่แล้วในเรื่องแก้หนี้นอกระบบ โครงการตัวชูโรงของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่วางรากฐานไว้เป็นอย่างดีและกำลังส่งผลต่อเนื่องในระยะยาว ด้วยที่ว่าหนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่ไม่ว่าในรัฐบาลไหนๆ ก็ยังไม่เคยแก้ไขได้มาก่อน แต่ผลสัมฤทธิ์ว่าเกิดขึ้นจริงในรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และแน่นอนว่าขณะนี้พลังประชารัฐ มีแต้มต่อ สถานะได้เปรียบ หากจะต้องสานต่อโครงการแก้หนี้นอกระบบ

เมื่อย้อนรอยกลับไปดูต้นตอของโครงการนี้ก็จะพบว่า เป็นโครงการที่วางแผนกันมาอย่างมั่นคงตั้งแต่ปี 2560 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กระทรวงกลาโหม คอยดูแล และขับเคลื่อนการแก้ปัญหาให้เกิดขึ้นจริง ผ่านการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน (ศปฉช.) โดยเป้าหมายสูงสุดในการจัดตั้งศูนย์แห่งนี้ก็คือการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้เป็นศูนย์ คืนความสุขให้กับประชาชนผ่านการปลดหนี้

เรียกได้ว่าเป็นอาวุธหรือท่าไม้ตายในสนามเลือกตั้งครั้งสำคัญปี 2562 เพราะไม่ว่ามองมุมไหนประชาชนก็ได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้ เห็นได้จากการปลดหนี้ได้จริงต่อเนื่องทีละจังหวัด ปิ๊กป้อมต้องออกเดินสายไปทั่วประเทศเพื่อมอบทรัพย์สิน และส่งคืนที่ดินให้ประชาชนมากถึง 8 ครั้ง โดยมีประชาชนที่เข้าร่วมโครงการได้รับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบมากกว่า 20,000 ราย มูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 20,500 ล้านบาท พื้นที่เกือบ 48,000 ไร่ ได้รับการส่งมอบคืนผ่านโฉนดที่ดินจำนวนทั้งหมด 16,004 ฉบับ ส่งผลให้โครงการนี้กลายเป็นกลีบกุหลาบที่ถูกโรยไว้ล่วงหน้าก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

แล้วรัฐบาลอื่น จะไม่สามารถดำเนินโครงการแก้ไขหนี้แบบที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้เลยหรือ? คำตอบคือ “ทำได้” แต่จะทำให้เหมือนกับโครงการของรัฐบาลนี้น่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะโครงการนี้คือการใช้อำนาจรัฐสั่งการลงไปโดยตรง ขับเคลื่อนผ่านการร่วมมือกันระหว่าง รัฐบาล ทหาร และตำรวจ โดยมีหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญอย่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. เป็นผู้ลงมือลงแรงในภาคปฏิบัติ ซึ่งเริ่มจากขั้นตอนละมุนละม่อมมากที่สุดอย่างการเรียกลูกหนี้และเจ้าหนี้นอกระบบมาเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อหาทางออกร่วมกัน หากรายใดตกลงกันได้ก็จะทำการปลดหนี้คืนโฉนดที่ดินให้กับลูกหนี้ ไม่ปล่อยให้มีการเอารัดเอาเปรียบเกิดขึ้น

ทั้งยังลงพื้นที่เข้าตรวจสอบปราบปรามกิจการหนี้นอกระบบ และดำเนินการทางกฏหมายอย่างจริงจังกับแหล่งเงินทุนที่ทำผิดกฎหมาย เจ้าหนี้รายใดที่อยากกลับตัว ผันตัวเองจากนอกระบบสู่ในระบบ ก็มีการเปิดหลักสูตรอบรม ภายใต้ความร่วมมือจากกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ทำการอบรมพร้อมขึ้นทะเบียนนายทุนเงินกู้ กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจน สร้างแหล่งเงินกู้ที่เป็นธรรมและถูกกฎหมายคืนให้กับสังคม

จากสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด ทำให้เห็นได้ทันทีเลยว่ากระดูกชิ้นโตจากพลังประชารัฐชิ้นนี้เคี้ยวยากกว่าที่คิด ดังนั้นพรรคการเมืองที่กำลังจะชูนโยบายเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายต้องนำประเด็นนี้มาพิจารณาอย่างรอบคอบ จะกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจอย่างไรให้น่าสนใจกว่าการแก้หนี้นอกระบบ ที่กำลังหยั่งรากลึกลงไปในจิตใจประชาชนหวังจะให้พลังประชารัฐมาสานต่อในสิ่งที่ทำ

ผู้ว่าจ้าง : พรรคพลังประชารัฐ
พรรคพลังประชารัฐ 130/1 ซอยรัชดาภิเษก 54 ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
ผู้จัดทำ : บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) 12 ถนนเทศบาลนฤมาล หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร 10900
วันที่ผลิต 15 มี.ค. 62 จำนวน 1 ชุด ตามวันเวลาที่ปรากฏ ที่ส่งมาในครั้งนี้ วันที่โพสต์ 15 มี.ค. 62

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน