คอลัมน์ วงล้อเศรษฐกิจ

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (อีไอซี) ธนาคารไทยพาณิชย์

คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยในปี 2017 จะมีประมาณ 35.3 ล้านคน เติบโตจากปีก่อน 8.4% และจะนำรายได้เข้าสู่ประเทศสูงถึง 2.9 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เล็งเห็นถึงกระแสการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจท่องเที่ยวที่ส่งผลให้ประเทศไทยต้องเรียนรู้และปรับตัวตาม ได้แก่

1.การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวสูงอายุที่มาท่องเที่ยวในไทย ซึ่งเพิ่มสัดส่วนจาก 15% ในปี 2011 เป็น 19% ในปี 2015 ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง โดยมีค่าใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 9% โดยแนวทางที่ภาคธุรกิจสามารถนำมาปรับใช้คือ การสร้างความร่วมมือกับธุรกิจที่เกื้อหนุนกัน ช่วยให้สร้างมูลค่าเพิ่มแก่ธุรกิจได้มากขึ้น

2.พฤติกรรมการท่องเที่ยวและการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป อันเป็นผลจากพัฒนาการทางด้านดิจิตอล ส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยวต้องเน้นการสร้างแบรนด์ผ่านสื่อออนไลน์ และการใช้สื่อออนไลน์ที่เหมาะสม

และ 3.การแข่งขันระหว่างประเทศในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนปรนกฎระเบียบการออกวีซ่า และการลงทุนสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ธุรกิจการท่องเที่ยวไทยจึงต้องเร่งสร้างความแตกต่าง

ทั้งนี้ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุนอกจากจะช่วยขยายตลาดนักท่องเที่ยวสูงอายุแล้ว ยังสร้างโอกาสให้ธุรกิจใหม่ๆ ด้วยจำนวนผู้เกษียณอายุต่างชาติที่เพิ่มขึ้นด้วย จากการสำรวจผู้เกษียณอายุในต่างประเทศพบว่า ผู้เกษียณอายุมีแนวโน้มที่จะมองหาสถานที่เพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณในที่ที่มีค่าครองชีพถูกลงมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น

และไทยถูกจัดเป็นประเทศจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ดังจะเห็นว่าปัจจุบันประเทศไทยได้รับความนิยมจากผู้สูงอายุทั้งชาวญี่ปุ่นและยุโรป

ทั้งนี้ ธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์ทางตรง ได้แก่ ธุรกิจการให้บริการที่พักระยะยาว คาดว่าจะสร้างรายได้สูงถึง 7.5 หมื่นล้านบาท ในปี 2020 รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะมีตลาดชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น เป็นต้น

กล่าวได้ว่า 3 กระแสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เป็นทั้งโอกาสและความท้าทายที่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทยต้องเผชิญ ซึ่งธุรกิจควรปรับตัวเพื่อคว้าโอกาสที่จะเกิดขึ้น ในขณะที่การดำเนินธุรกิจแบบเดิมมีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงที่จะสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน