แกนนำ ศรีสะเกษจะไม่ทน บุกยื่นหนังสือถึง ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ นัดชุมนุมใหญ่สิ้นเดือนนี้ โวย ถูกชายฉกรรจ์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่บุกคุกคามถึงบ้าน
วันที่ 23 ต.ค.2563 ที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ นายพันธ์ศักดิ์ มีแก้ว อายุ 31 ปี ชาวจ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นผู้ประสานงาน กลุ่มเผด็จการเป็นเหตุ ศรีสะเกษจะไม่ทน พร้อมคณะ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณฐพล แก้วเหลา รองผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อยื่นหนังสือแจ้งการจัดชุมนุมสาธารณะ เพื่อเสนอถึง ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
ทั้งนี้ เพื่อขออนุญาตจัดการชุมนุมสาธารณะในวันที่ 31 ต.ค.นี้ เวลา 17.00-21.00 น.ที่บริเวณลานตรงข้ามศาลหลักเมืองศรีสะเกษ ซึ่ง พ.ต.ท.ณฐพล ได้นำเรื่องนี้ไปยัง พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า ตามที่กลุ่มศรีสะเกษจะไม่ทนได้จัดกิจกรรมชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุติความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่กรุงเทพฯ และเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ตนในนามกลุ่มศรีสะเกษจะไม่ทน จึงมายื่นหนังสือแจ้งการชุมนุมสาธารณะถึง ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการจัดกิจกรรมตามวันเวลาดังกล่าว
แกนนำ ศรีสะเกษจะไม่ทน บุกยื่นหนังสือถึง ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ นัดชุมนุมใหญ่สิ้นเดือนนี้
นายพันธ์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งมีการเสนอขออนุญาตใช้เสียง ขอใช้รถสุขาเคลื่อนที่กับเทศบาลเมืองศรีสะเกษแล้วด้วย โดยการนัดหมายชุมนุมครั้งนี้ จะตรงกับการจัดงานเทศกาลลอยกระทง ซึ่งตนคาดว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุม ประมาณ 300 คน ตนขอยืนยันข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อเช่นเดิมคือ ให้นายกรัฐมนตรีลาออก เพราะว่าบริหารประเทศผิดพลาด, ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากประชาชนอย่าบอกว่าจะแก้แล้วลักไก่เหมือนจะแก้อันนี้พวกตนไม่เอา, ขอให้หยุดคุกคามประชาชนในทุกรูปแบบและปล่อยตัวผู้ชุมนุมทุกกรณีโดยไม่มีเงื่อนไข และเพิ่มเติมอีก 2 ข้อคือ ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติและรัฐประหาร เรามองว่ารัฐประหารไม่ใช่ทางออก รัฐประหารยิ่งทำยิ่งจม
นายพันธ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ตนและคณะได้จัดการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาล นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 20 ต.ค. มีชายฉกรรจ์ 3 คน อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ไปหาตนที่บ้าน แต่ว่าตนติดภารกิจ จึงไม่ได้อยู่บ้าน โดยชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คน ได้สอบถามข้อมูลต่าง ๆ จากน้าของตนที่อยู่ข้างบ้าน ทำให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับตนไป ซึ่งอาจจะคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
“หากต้องการทราบข้อมูลอะไรก็สามารถที่จะโทรติดต่อผมได้ เนื่องจากว่าเบอร์โทรศัพท์ของผมก็มีปรากฏอยู่ตามหนังสือที่มีการยื่นกับส่วนราชการในเรื่องต่าง ๆ เพราะว่าจะได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องมากกว่าไปถามกับญาติของผมที่อยู่ข้างบ้าน ผมเห็นว่าการที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐไปตามถึงบ้านที่ อ.อุทุมพรพิสัยนั้น ถือว่าเป็นการคุกคามประชาชนอย่างชัดเจน” นายพันศักดิ์ กล่าว
