โฆษก กต. แจง ปมบริษัททัวร์ ชวนคนไทยจองบินไปฉีดวัคซีนที่อเมริกา ไปได้แต่อาจผิดหวัง เพราะบางที่ฉีดเฉพาะพลเมือง หรือถูกปฏิเสธเข้าประเทศ

วันที่ 4 พ.ค.64 นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวกรณีบริษัททัวร์เชิญชวนคนไทยจองทัวร์เดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 นั้น ตนขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ปัจจุบัน ประชากรที่อาศัยอยู่หรือเดินทางเข้ามายังสหรัฐฯ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีอายุ 16 ปีขึ้นไป สามารถขอรับการฉีดวัคซีนได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นพลเมืองสหรัฐฯ และไม่มีค่าใช้จ่าย (ยกเว้นค่าดำเนินการบางรายการ)

อย่างไรก็ตาม แต่ละรัฐอาจมีกฎเกณฑ์ ข้อกำหนด และขั้นตอนในการแจกจ่ายวัคซีนที่แตกต่างกัน อาทิ ต้องเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่หรืออาศัยอยู่หรือทำงานอยู่ในรัฐนั้นๆ แต่ในบางรัฐ นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถนำหนังสือเดินทางมาแสดงเพื่อขอรับการฉีดวัคซีนได้ ทั้งนี้ ปรากฏข่าวว่าผู้ที่เดินทางจากลาตินอเมริกามายังสหรัฐฯ เพื่อฉีดวัคซีน จึงเป็นไปได้ว่า บริษัทนำเที่ยวบางแห่งในประเทศไทยอาจเห็นโอกาสจากช่องว่างนี้ เพื่อดึงดูดผู้ที่ต้องการจะได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว ให้เดินทางไปยังสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐที่ยังไม่มีข้อกำหนดห้ามผู้ที่เข้าสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

นายธานี กล่าวอีกว่า ปัจจุบันเริ่มมีผู้บริหารและหน่วยงานของหลายรัฐฯ ได้ออกมาตรการเพื่อป้องกันการจัดการท่องเที่ยวเพื่อฉีดวัคซีน (Vaccine Tourism) อาทิ ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา และหน่วยงานด้านสาธารณสุขรัฐแอละบามา ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าจะจัดการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่ผู้ที่มีถิ่นพำนักในรัฐเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแต่ละรัฐสามารถปรับเปลี่ยนมาตรการการแจกจ่ายวัคซีนได้ตามที่เห็นเหมาะสม นอกจากนี้ วัคซีนป้องกันโควิด-19 ในสหรัฐฯ ได้รับอนุมัติการใช้งานแบบฉุกเฉินเท่านั้น ดังนั้นถ้าผู้ที่ได้รับวัคซีนมีอาการข้างเคียงหรือการแพ้รุนแรง ทางบริษัทผู้ผลิตวัคซีนไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใดๆ และหากผู้เดินทางไม่มีประกันสุขภาพที่ครอบคลุม อาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่มีราคาสูง

นายธานี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตไทย และสถานกงสุลใหญ่ไทยในสหรัฐฯ ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการถูกปฏิเสธให้เข้าสหรัฐฯ ของคนไทยอยู่เป็นระยะ แม้บุคคลนั้นได้รับการตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยวมาแล้ว โดยเมื่อถูกปฏิเสธการเข้าเมือง ก็ต้องดำเนินการและเสียค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกี่ยวข้องต่างๆ อาทิ ตั๋วเครื่องบิน ที่พักสถานที่กักตัวแบบทางเลือกตามที่รัฐกำหนด (เอเอสคิว) อีกทั้งต้องขอรับใบอนุญาตเดินทางเข้าประเทศ (ซีโออี) จากสถานเอกอัครราชทูตไทยหรือสถานกงสุลใหญ่ไทย ซึ่งอาจทำให้ต้องติดค้างอยู่ที่สนามบินเป็นเวลานาน ดังนั้น ผู้เข้าร่วมโปรแกรมเดินทางมาท่องเที่ยวและรับการฉีดวัคซีนดังกล่าว อาจมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินโดยไม่ได้รับการฉีดวัคซีน รวมทั้งอาจถูกปฏิเสธการเดินทางเข้าสหรัฐฯ โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ

นายธานี กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงการต่างประเทศจึงขอให้ประชาชนที่ประสงค์จะซื้อรายการท่องเที่ยวไปต่างประเทศเพื่อการฉีดวัคซีน ติดต่อสอบถามเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนตัดสินใจ โดยสามารถสอบถามได้ตามช่องทางต่อไปนี้ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ หมายโทรศัพท์ 02-572-8442 และแอพพลิเคชั่น “Thai Consular”

ในสหรัฐฯ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน หมายโทรศัพท์ +1 202-684-8493 (เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-12.30 น. และเวลา 14.00-17.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ), สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครลอสแอนเจลิส หมายโทรศัพท์ +1 323-962-9574 (เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-16.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ), สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครชิคาโก +1 312-664-3129 (เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-12.00 น. และเวลา 13.00-17.00 น. – ยกเว้นวันหยุดราชการ), สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครนิวยอร์ก +1 212-754-1770 ต่อ 304,311,313 (เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-12.00 น. และเวลา 13.00-15.30 น. – ยกเว้นวันหยุดราชการ)

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน