โควิดวันนี้ ยอดพุ่งต่อเนื่อง ติดเชื้อรวม 3,095 ราย ติดเชื้อใหม่ 2,218 ราย หายป่วยกลับบ้าน 1,351 ราย ผู้ป่วยสะสม 70,282 รายเสียชีวิตอีก 17 ราย

เมื่อวันที่ 15 พ.ค.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,095 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,215 ราย ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 3 ราย และติดเชื้อในเรือนจำ 877 ราย

ทำให้ตัวเลขยอดรวมสะสม 99,145 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 17 ราย สะสม 565 ราย ผู้ที่รักษาหายเพิ่ม 1,351 ราย สะสม 63,667 ราย ผู้ที่ยังรักษาอยู่ 34,913 ราย แบ่งเป็นในโรงพยาบาล(รพ.) 21,579 ราย 13,334 ราย ผู้ที่มีอาการรุนแรง 1,234 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ใส่ท่อช่วยหายใจ 415 ราย ทั้งนี้ การระบาดระลอกเดือนเม.ย.2564 มีผู้ป่วยสะสม 70,282 ราย เสียชีวิตสะสม 471 ราย อัตราเสียชีวิต 0.67% จากเดิม 0.65%

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในวันนี้พบผู้เดินทางจากกัมพูชาเข้าประเทศด้วยเส้นทางธรรมชาติ 1 ราย อาชีพนักคอมพิวเตอร์ ซึ่งพยายามลักลอบเข้ามา ก็ขอให้รับทราบว่า ไม่ควรเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นอีกแล้ว ส่วนอีก 2 รายเข้ามาถูกต้อง ซึ่งต้องขอขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิต 17 ราย เป็นเพศชาย 9 ราย หญิง 8 ราย อายุเฉลี่ย 41-83 ปี พบในกรุงเทพมหานคร(กทม.) 8 ราย สมุทปราการ 3 ราย สมุทรสาคร 2 ราย และระยอง ชัยภูมิ ปทุมธานี ราชบุรี จังหวัดละ 1 ราย ขณะที่ โรคประจำตัวและความเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค ได้แก่

ความดันโลหิตสูง 11 ราย เบาหวาน 7 ราย ไขมันในเลือดสูง 3 ราย ไตเรื้อรัง 2 ราย โรคปอดเรื้อรัง 1 ราย ติดสุรา 1 ราย และปฏิเสธโรคประจำตัว 3 ราย ส่วนปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อจากคนในครอบครัว 5 ราย จากคนอื่นๆ เพื่อนร่วมงาน 4 ราย ไปสถานที่แออัด 3 ราย อาศัยและเดินทางเข้าพื้นที่ระบาด 2 ราย อาชีพเสี่ยง 2 รายเป็นคนขับแท็กซี่ แม่ค้าแคมป์ก่อสร้าง และระบุไม่ได้อีก 1 ราย

“ค่ากลางจำนวนวันที่เสียชีวิตอยู่ที่ 15 วันหรือประมาณ 2 สัปดาห์ที่นอนอยู่ใน รพ. และมากสุด 29 วัน ส่วนวันนี้มีผู้เสียชีวิตเป็นอาชีพคนขับแท็กซี่ ซึ่งคาดว่าจะมีการทำสถิติเกี่ยวข้องกับอาชีพสาธารณะ เป็นความเร่งด่วนในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในกลุ่มนี้ เพื่อให้คนขับรถสาธารณะและผู้โดยสารปลอดภัย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการรวมจำนวนผู้ป่วยจากการคัดกรองเชิงรุกในชุมชนบวกรวมกับคลัสเตอร์เรือนจำ กราฟยังขึ้นๆ ลงๆ อยู่ ซึ่งเป็นที่มาของยอดตัวเลข 2-3 พันรายใหม่ต่อวัน ในที่ประชุมศบค. ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยช่วงเช้ามีการประชุม ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (อีโอซี) กระทรวงสาธารณสุข ศูนย์บูรณาการการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

และ ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ที่มี ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร และ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา ที่อยู่ในคณะกรรมการที่ปรึกษาศบค. เข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งให้ความสำคัญว่า “คลัสเตอร์ใหญ่อยู่ที่เรือนจำ” ไม่ใช่เพียงการรับรู้ติดเชื้อรายวัน แต่ให้ความสำคัญกับการรักษา โดย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดสธ. ให้นโยบาย คือ บับเบิ้ลแอนด์ซีล (Bubble and seal) การทำงานร่วมกันของกรมควบคุมโรคกับเรือนจำ เพื่อให้เบ็ดเสร็จทั้งหมดภายใน

“ที่ประชุมหารือกันว่า การจัดตั้งหน่วยงานเบ็ดเสร็จอยู่ในเรือนจำ ดูแลผู้ป่วยสีเขียว เหลืองและแดง ควรอยู่ภายในนั้น ด้วยการเสริมศักยภาพจากภายนอก อย่างที่ รพ.ราชวิถี ทำไอซียูนอกอาคารได้ ในรูปแบบไอซียูสนาม ที่ทุกอย่างมีความพร้อมทางการแพทย์ ซึ่งก็จะพยายามทำให้ได้ในเรือนจำ จะดีที่สุด” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด 10 จังหวัดแรก ได้แก่ กทม. รายใหม่ 1,163 ราย ปทุมธานี 222 ราย สมุทรปราการ 201 ราย นนทบุรี 126 ราย สมุทรสาคร 37 ราย สุราษฎร์ธานี 34 ราย ชลบุรี 33 ราย นครปฐม 30 ราย อยุธยา 29 ราย นครศรีธรรมราช 24 ราย ทั้งนี้ แผนที่ประเทศไทย จังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้มี 16 จังหวัด และมีจังหวัดที่พบมากกว่า 100 ราย 4 จังหวัด คือ กทม. ปทุมธานี สุมทรปราการ และนนทบุรี ซึ่งกระจุกอยู่ตรงกลางของแผนที่

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน