สอบนาน 2 ชั่วโมง มิลลิ เสียค่าปรับ 2,000 ฐานใช้คำหยาบคายแสดงความคิดเห็น ยอมรับผิดจบเรื่อง ยันแสดงความคิดเห็นทางการเมืองต่อไป

เมื่อเวลา 09.45 น. ที่ สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง น.ส.ดนุภา คณาธีรกุล หรือ มิลลิ นักร้องสาววัยรุ่นชื่อดัง เดินทางเข้ารับฟังข้อกล่าวหา หลังจากได้ออกมาแสดงความเห็นทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าหมายเรียกผู้ต้องหา ระบุว่า ออกหมายวันที่ 9 ก.ค. 64 โดยนายอภิวัฒน์ ขันทอง ประธานคณะกรรมการ คตส.ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่ 32/2563 ลงวันที่ 21 ก.ย.2563 เป็นผู้กล่าวหา น.ส.ดนุภา คณาธีรกุล ด้วยข้อหา ดูหมิ่นด้วยการโฆษณา โดยบรรยากาศที่ สน.นางเลิ้ง มีไผ่ ดาวดิน มวลชนกลุ่มหมู้บ้านทะลุฟ้า และประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจมิลลิ

ต่อมาเวลา 11.40 น. ภานหลังจากรับทราบข้อกล่าวหา กว่า 2 ชั่วโมง น.ส.ดนุภา คณาธีรกุล หรือ มิลลิ ก็เดินทางกลับทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด โดยพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาดูหมิ่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 ผ่านการโพสต์ข้อความวิจารณ์การทำงานนายกรัฐมนตรี ในทวิตเตอร์ส่วนตัว เผยแพร่สู่สาธารณะ ซึ่ง น.ส.ดนุภา ยอมรับสารภาพในการโพสต์ข้อความจริง ซึ่งทางผู้กล่าวหาไม่ติดใจเอาความ ทางตำรวจจึงได้เปรียบเทียบปรับ เงิน 2,000 บาท ก่อนที่มิลลิจะเดินทางกลับในเวลาต่อมา

นายศุชัยวุธ ชาวสวนกล้วย ที่ปรึกษากฎหมายพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า มิลลิรับสารภาพว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความจริง ทางตำรวจจึงเปรียบเทียบปรับ ยืนยันว่า การโพสต์ครั้งนี้ไม่ได้เจาะจงตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งการโพสต์แสดงความคิดเห็น สามารถทำได้ตามสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่กรณีของมิลลินั้น ผู้กล่าวหา มองว่า มีการโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัว มีคำหยาบคายในการแสดงความคิดเห็นการทำงานของรัฐบาลในสถานการณ์โควิด19 อยู่ในโพสต์ดังกล่าว จึงเข้าข่ายดูหมิ่นโดยการโฆษณา และการมารายงานตัวตามหมายเรียกไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ นายสนธิญา สวัสดี ยื่นหนังสื่อถึง บช.น. ให้ตรวจสอบการ call out ของดารา-นักร้อง เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมาแต่อย่างใด และหลังจากนี้ มิลลิจะแสดงความคิดเห็นทางการเมืองต่อไป

“ข้อความบางข้อความ ผู้ที่มาแจ้งความอาจจะเห็นว่า เป็นถ้อยคำไม่สุภาพหยาบคาย ก็ได้แจ้งความไปตามสิทธิของเขา เมื่อมีหมายเรียก น้องมิลลิ ก็มาพบพนักงานสอบสวน น้องแสดงความคิดเห็นด้วยความสุจริต และเป็นสิทธิของคนไทยที่จะแสดงความคิดเห็น คนในวัยหนึ่งอาจจะมองว่าไม่สุภาพ แต่มิลลิอายุ 19 ปี อาจจะมองว่าเป็นคำธรรมดา เราได้คุยกันแล้วว่า ในเมื่อบอกว่า เราใช้คำหยาบคาย เราก็มายอมรับและเสียค่าปรับไปเพราะเป็นความผิดลหุโทษ” นายศุชัยวุธ กล่าว

นายศุชัยวุธ กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็น เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ต้องไม่ใช้คำหยาบ เช่น คำของน้าค่อมคำว่า ไอ้สัส ก็ถือว่าดูหมิ่น แต่เมื่อน้าค่อมพูดไม่ถือว่าดูหมิ่น เพราะน้าค่อมไม่มีเจตนาเป็นคำอุทาน ดูหมิ่นกับหมิ่นประมาท แตกต่างกัน โดยหมิ่นประมาท ม.329 จะได้รับความคุ้มครองเมื่อเป็นประโยชน์โดยชอบธรรมรัฐบาลไม่ได้ตัดสิทธิ ในการวิจารณ์ เช่น แพทย์ได้แสดงความคิดเห็นว่า ให้รัฐบาลรีบเอาวัคซีนเข้ามา ก็ทำได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน