หนี้ครัวเรือนพุ่ง ทำลายสถิติทุกปี พท.ชี้สูงกว่าอินโดฯ- กัมพูชา จี้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือทันที

วันที่ 11 ก.ย. ที่พรรคเพื่อไทย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์นโยบาย พรรคเพื่อไทย แถลงถึงภาวะฉุกเฉินหนี้ครัวเรือนไทย ว่าหนี้ครัวเรือนไทยทั้งหนัก เน่า และนอกระบบ

“หนัก” หนี้ครัวเรือนสิ้นไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 14.128 ล้านล้านบาท (90.5% ของ GDP) ตัวเลขนี้ยังไม่ได้สะท้อนผลจากการระบาดของโควิด ระลอก 2,3,4 รวมถึงระลอก 5 ถ้ามี

ศูนย์นโยบายพรรคฯ ประเมินหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ณ Q4/64 จะอยู่ที่ 92-93% ในกรณีที่ไม่มีระลอก 5 และอยู่ที่ 93-94% ในกรณีที่มีระลอก 5 ถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ตั้งแต่มีการรายงาน

รัฐบาลทำลายสถิติตัวเองทุกปี สูงสุดในประเทศกำลังพัฒนา สูงกว่าอินโดนีเซียประมาณ 5 เท่าตัว กัมพูชาประมาณ 3 เท่าตัว และเป็นกว่า 2 เท่าตัวของรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร และแนวโน้มสูงขึ้นแบบไม่มีที่สิ้นสุด เข้าสู่ภาวะฉุกเฉินของหนี้ครัวเรือน เรียกได้ว่า คนไทยจนทุกที่ มีหนี้ทุกหย่อมหญ้า

“เน่า” ไส้ในของหนี้ครัวเรือนก็เข้าขั้นฉุกเฉิน ในยอดรวมหนี้กว่า 14 ล้านล้านบาท เป็นหนี้เพื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคลถึงกว่า 10.8 ล้านล้านบาท คือ เกือบ 80% ของหนี้ไม่สร้างรายได้ คุณภาพของสินเชื่อภาคครัวเรือนจึงต่ำ มีโอกาสเป็นหนี้เสียจึงสูง โครงสร้างแบบนี้อันตราย

อีกทั้งไทยประสบภาวะหนี้ครัวเรือนสูงกว่าหนี้ธุรกิจซึ่งอยู่ที่ 9.5 ล้านล้านบาทอยู่มาก การอุปโภคบริโภคมากกว่าการลงทุนภาคเอกชน เท่ากับประเทศไทยถอยหลังลงคลองในมิติของการพัฒนา

และ “นอกระบบ” เมื่อเศรษฐกิจแย่ คนตกงาน ไม่มีรายได้ ความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น แต่การให้สินเชื่อถูกจำกัด ประกอบกับภาคบริการมีลักษณะเป็นธุรกิจนอกระบบสูง ทำให้ไทยประสบปัญหาที่ใหญ่กว่า คือหนี้ในระบบไหลสู่หนี้นอกระบบ โดยหนี้นอกระบบต้องแก้ด้วยกลไกดึงหนี้เข้าสู่ระบบ ไม่ใช่ใช้กฎหมายแก้ที่ปลายเหตุเหมือนที่รัฐบาลทำ

ในภาวะฉุกเฉิน ในระยะสั้นรัฐบาลต้อง ยืดและพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งระบบขนาดใหญ่ในวงกว้างในธุรกิจภาคบริการ และรายย่อย ตลอดช่วงเวลาฉุกเฉินทันที โดยรัฐบาลต้องชดเชยส่วนต่างและรายจ่ายดอกเบี้ยไปที่ธนาคารพาณิชย์ เพื่อทำให้การพักหนี้ในวงกว้างเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่แค่พักหนี้แบบนามธรรมเหมือนที่ผ่านมา

ผ่อนคลายและกระจายสินเชื่อในระบบทันที เพื่อป้องกันภาวะหนี้ในระบบไหลสู่นอกระบบ หยุดเลือดการตกงานด้วยมาตรการคงการจ้างงานทันที และหยุดเลือดธุรกิจล้มโดยยกเลิกมาตรการพักทรัพย์พักหนี้และโอนวงเงินสู่ Soft Loan ผ่านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทันที

ลดภาระรายจ่ายครัวเรือนรายเดือนอย่างต่อเนื่องตลอดภาวะฉุกฉินทันที และขยายกลไกสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดของกระทรวงการคลังทันที เพื่อดึงหนี้นอกระบบกลับสู่ในระบบ สนับสนุนและอุดหนุนกลไก Non-Bank ป้องกันการเกิดหนี้นอกระบบใหม่ทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน