เอ พศิน เปิดใจ “ไม่ใช่สลิ่ม” วอนอย่า ปลุกปั่น คนทำมาหากิน โยง 3 กีบ

เอ พศิน เปิดใจ – เดือดขั้นสุดถึงขั้นแคปข้อความ เตรียมฟ้องเกรียนคีย์บอร์ดที่เข้ามาด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายไม่เลิก สำหรับนักแสดงหนุ่ม เอ พศิน เรืองวุฒิ ไม่ขอทน แฉยับคนมือบอนใช้โซเชี่ยลในทางที่ผิด ก่อนโพสต์ข้อความเตือนว่าเตรียมรับหมายศาลได้

ล่าสุด เอ พศิน ให้สัมภาษณ์กับข่าวสดออนไลน์ เผยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า “เขาไม่น่าจะเป็นเกรียนคีย์บอร์ด เขาน่าจะเป็นคนไม่ปกติ เพราะว่าเกรียนคีย์บอร์ดเขายังมีเป้าหมายของเขาที่ทำ ผมเชื่อว่าไม่ใช่ตัวเขาด้วย อาจจะเอารูปคนอื่นมา โปรไฟล์เขามีรูปเด็ก และรูปพระเต็มเลย ผมก็ไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นคนที่นับถือเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือพระพุทธเจ้าจริงๆ

 

อาจจะเป็นเรื่องการทำให้เข้าใจผิด ปลุกปั่น แล้วคำว่าสลิ่ม ผมบอกเลยว่าผมไม่ชอบน้ำกะทิ ผมชอบน้ำลำไย ชอบลอดช่อง ชอบเต้าทึงครับ สลิ่มอาจจะไม่ถูกปากเท่าไหร่ ฉะนั้นผมไม่ใช่สลิ่ม ผมเป็นมนุษย์ธรรมดาที่หนี้เยอะ เราก็ทำงานเพื่อที่จะใช้หนี้รายเดือน แล้วเราก็เจอเรื่องราวแบบที่ทุกคนเจอเรื่องโควิด เรื่องการหยุดงาน แต่หนี้มันก็ไม่หยุด ทุกคนก็มีภาระ

ฉะนั้นมันผิดเวลาที่จะมาเมนต์ เพราะเราไม่รู้จักเขาเลย เขาเป็นใครก็ไม่รู้ ผมก็ส่งไดเร็กต์แมสเสจไปบอกว่ามันผิดกฎหมายนะ มันผิดการละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น ก็ให้เตรียมเงินไป เพราะเราสามารถเอาเงินได้จริง เราก็เอาเงินไปทำประโยชน์ทั้งหมดเลย ยังมีเรื่องสำคัญอีกเยอะในวิถีชีวิตของเรา เพราะทุกอย่างมันเริ่มกลับมาเซ็ตตัว”

ข้อความในลักษณะนี้มีเยอะ?เข้ามาคนเดียวครับ ที่เหลือ 100 กว่าข้อความเป็นข้อความสนับสนุนว่าจัดการให้เด็ดขาด ฟาดได้ฟาด บางข้อความก็บอกว่าให้กระทืบมันเลย ซึ่งผมก็ลบๆ ไปบ้าง เพราะมันก็รุนแรงไป ก็มาให้กำลังใจบอกว่าอย่าให้อภัยคนแบบนี้ แต่ก็ฟังแค่ผ่านๆ ซึ่งถ้าว่างก็คงจะทำ ถ้าไม่ว่างก็คงไม่ไหว เพราะเรามีลูกเล็ก ลูกกำลังสอบออนไลน์ด้วย แล้วงานก็เยอะมากช่วงนี้ครับ เลยคิดว่าถ้าอภัยได้ก็อภัย อภัยไม่ได้ก็ทำให้ผมไม่ว่างแล้วกัน

เรื่องที่น่าห่วงก็คือสื่อออนไลน์ที่ไม่มีบรรณาธิการ เรื่องของเป้าหมายของการโพสต์ หัวข้อต่างๆที่ทำให้เกิดความแตกแยกตรงนี้มันไม่มี อยู่ในติ๊กต็อกก็เป็นช่องแล้ว เขาจะเรียกตัวเองว่าช่อง ทุกคนสามารถมีช่องของตัวเองได้ เพราะฉะนั้นมันอ่อนไหวต่อการที่สื่อสารผิดๆ ออกมา

เอาไปโยงกับเรื่อง 5 นิ้ว 6 นิ้ว มันเป็นเรื่องของเขา เขาจะชูกี่นิ้วเพื่อเป็นการเรียกร้องให้เกิดความถูกต้อง มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา เพราะฉะนั้นอย่าไปโยง เห็นต้นเหตุแค่นี้ก็มาหาเราเป็นสลิ่ม ซึ่งเราเป็นคน เราไม่ได้เป็นสลิ่ม ผมก็บอกผมไม่ใช่สลิ่ม ผมมีเลือดเนื้อ ผมมีหนี้ ทุกคนมี ไปจัดการหนี้สินให้ได้เหอะ อย่าเอาเงินมาจ่ายเพื่อให้ผมไปสร้างห้องน้ำวัดเลย

แต่ถ้าเจอตัวจริงก็คงจะไม่รับกระเช้านะครับ รับเป็นเงินสด แล้วถ้าได้มาเท่าไหร่ เราจะเปิดเผยแล้วทำบุญกัน เอาเงินของเขามาใช้ให้เกิดประโยชน์ดีกว่า อย่าเอาไปจ่ายค่าเน็ต แล้วเล่นแบบนี้มันรบกวนความสุขของคนอื่น ชีวิตก็เริ่มดำเนินไปเนอะ เริ่มปลดล็อก เริ่มทำงานได้ มันวุ่นวายครับ”

หลังจากที่เกรียนคีย์บอร์ดคนนี้ออกมาต่อว่า มันทำให้คนอื่นเข้าใจผิด คิดว่าเราเป็นสลิ่ม? “มันเป็นเรื่องแปลกที่ไม่มีเลย ทั้งหมดมีคนนี้คนเดียว เหมือนเป็นสายสนับสนุนมากว่าว่าให้จัดการ อย่าปล่อยเอาไว้ ผมก็บอกแล้วว่าผมไม่ได้อยู่ฝ่ายไหน ผมไม่ได้อยู่ฝ่ายนิ้ว สายของหวาน ผมอยู่สายลูกหนี้ ทุกวันนี้เรามีหนี้โดยที่เราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ค่าใช้จ่ายสารพัดเลย

แต่รายได้เราอาจจะไม่เหมือนเดิม อาจจะด้วยโควิดซึ่งก็ต้องยอมรับ หลายกิจการก็ปิดไป บางคนก็อยู่ไม่ได้เลยก็มี เดือดร้อนกันมาก ฉะนั้นมันมีแต่คนช่วยกันให้ผ่านพ้นไปได้ จะมาแบ่งแยกฝั่งฝ่าย การเมืองมันไม่ใช่ มันเลอะเทอะ มันไม่ใช่เวลา เพราะตอนนี้ทุกคนก็ทำกันหมดแล้วชุมนุม หาวิธีเพื่อทำการแก้ไข มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้ไง

ถ้าเยาวชนรุ่นใหม่อยากจะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น ก็เรียนให้เก่งๆ หาวิธีเข้ามาต่อสู้ในสภาอย่างถูกต้อง ทำที่นั่งตรงนั้นให้เป็นที่นั่งของคุณ มาบริหารประเทศเอง เอาคนดีๆ ที่คุณเชื่อว่ามีความเชื่อมั่น มีความสามารถ เข้าไปแล้วชอบความถูกต้อง ก็เลือกเข้าไป อย่างนั้นผมจะรู้สึกว่าเยาวชนไทยมีคุณค่ามาก แต่มันต้องเริ่มตอนนี้ไง แล้วเมื่อเวลาผ่านไป 5-10 ปี คุณอาจจะไปนั่งอยู่ในนั้นก็ได้

 

นี่เป็นวิธีการแก้ที่จับต้องได้ง่ายที่สุด ไม่ใช่รวมกลุ่มกันแล้วบางทีมันเกิดอันตราย เราก็ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในมุมมืดอาจจะทำอันตรายได้ แต่เราก็ไม่รู้ว่าเป็นใครด้วย อย่าเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใคร ทำให้มันถูกต้อง เพราะสมมุติว่าเกิดเหตุการณ์อะไรไปที่มันบานปลายแบบพ่อแม่ห่วงลูก เราก็ไม่สามารถห้ามลูกให้มีอุดมการณ์แบบไหนได้ทั้งนั้น ก็ต้องปล่อยให้อิสระกับเขา”

ถ้าคนที่ด่าอยากจะสำนึกผิด ยังจะใจอ่อน? “ผมว่าเขาไม่ออกมาหรอก ป่านนี้อาจจะปิดแอ๊กเคาต์หนี หรือไม่ก็อาจจะมีจิตที่ไม่ปกติ ถ้าเกิดว่าจับได้แล้ว ตรวจแล้วเป็นคนบ้า ก็ต้องให้อภัยไป อโหสิกรรมไปละ ผมรู้ ผมไม่มีเวลา

 

อย่างน้อยก็บอกให้โลกรู้ว่าฉันเป็นมนุษย์ ฉันไม่ได้เป็นของหวานให้ใครมาเคี้ยวเล่น ฉันชอบน้ำลำไย ฉันชอบเต้าทึง ฉันก็เป็นตัวฉัน เป็นนักแสดง แต่อย่ามาแกล้ง ถ้าอยากมีเรื่องก็มาเจอกันตัวต่อตัวดีกว่า มาใช้วิธีแบบนี้มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”

ปกติถ้าไม่โดนเรื่องการเมืองแบบนี้ มีการบูลลี่เมนต์หยาบคายในลักษณะอื่น? “ไม่มีเลยครับ ครั้งนี้ครั้งแรก ผมก็ไม่ยอมให้ใครมารังแก อะไรที่ไม่ถูกต้องก็ต้องออกมาเถียง”

ตอนนี้โกรธ? “ไม่โกรธหรอกครับ เพราะว่ามีคนโกรธแทนด้วย คนที่เขาสนับสนุนเราก็เป็นกำลังใจให้ เลยคิดว่าพอละ แต่ถ้ามาอีกก็บล็อก ก็เป็นบทเรียนว่าต่อไปคงจะบล็อกอย่างเดียว คงจะไม่เผยแพร่เพราะมันกลายเป็นพลังงานด้านลบ ซึ่งไม่ดี เดี๋ยวเราจะกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองของมนุษย์ที่เขามีสีที่ชัดเจน ผมมีสีที่ไม่ชัดเจน เพราะวันนี้ผมมีสีกากี พรุ่งนี้ผมอาจจะเป็นสีรุ้งก็ได้ครับ”

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน