หงส์แดงนำก่อน 2 ลูก โดนตราหมีไล่ตีเจ๊า ก่อนมาได้จุดโทษนำชัย บวกวีเออาร์ช่วยให้รอดเสียจุดโทษอีก ทำให้ยืดสถิติชนะรวดแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก
การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม กลุ่มบี “ตราหมี”แอตเลติโก มาดริด จากสเปน เปิดสนามเอสตาดิโอ ว่านต๋า เมโตรโปลิตาโน รับการมาเยือนของ “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล จากอังกฤษ
- ถึงเวลาเปลี่ยนแปลง โรนัลโด แนะปีศาจแดงดึง ซีดาน คุมทัพแทน โซลชาร์
- เรือใบเล็งดึง เดแคลน ไรซ์ เสริมแดนกลางแทน แฟร์นานดินโญ
- มติสโมสร พรีเมียร์ลีก ขวางสาลิกาทำธุรกิจเกี่ยวพันเจ้าของใหม่ชั่วคราว
เกมนี้เจ้าถิ่นเลือกส่ง เชา เฟลิกซ์, อองตวน กรีซมันน์, โกเก ลงเป็นตัวจริง ขณะที่ทีมเยือนจัด โรแบร์โต ฟีร์มิโน, ซาดิโอ มาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ประสานงานในแดนหน้า
เริ่มเกมมาเพียง 8 นาที โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้บอลทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจะเลี้ยงเลาะตัดเข้ากลาง แล้วยิงจากหัวกะโหลกหน้าเขตโทษ บอลมีการแฉลบเปลี่ยนทางเข้าประตูไป ลิเวอร์พูลนำ 1-0 โดยลูกนี้ถือเป็นการยิงของซาลาห์
นาที 13 ลิเวอร์พูลเปิดบอลเข้าเขตโทษ แนวรับแอตฯ มาดริดสกัดไม่ดีลอยมาหน้าเขตโทษเข้าทางปืน นาบี เกอิตา วอลเลย์สวนทันทีเสียบตาข่าย ทีมเยือนทิ้งห่าง 2-0
นาที 20 โธมาส์ เลอมาร์ เลี้ยงลุยเข้าทางด้านซ้ายของเขตโทษ แล้วจ่ายทะลุไปถึง โกเก สับไกยิง ลูกพุ่งเรียดตรงมาที่ อองตวน กรีซมันน์ ขยับเท้าสะกิดเปลี่ยนทางบอลเข้าไป แอตฯ มาดริดไล่มาเป็น 1-2
นาที 28 แอตฯ มาดริดพลาดโอกาสทองในจังหวะโต้กลับเร็ว โรดริโก เด ปอล วางยางจากแดนตัวเองขึ้นหน้าให้ อองตวน กรีซมันน์ หลุดเดี่ยวจากครึ่งสนามทางสะดวกจนถึงเขตโทษ แต่ยิงไม่คมพอเลยถูกนายทวารเซฟไว้ได้หวุดหวิด
นาที 34 เชา เฟลิกซ์ รับบอลได้แล้วโชว์ทักษะลุยผ่านนักเตะลิเวอร์พูล จากนั้นจ่ายต่อให้ อองตวน กรีซมันน์ แตะบอลอย่างพอเหมาะพอเจาะทะลุเข้าเขตโทษ แล้วยิงผ่านนายทวารเข้าสู่ก้นตาข่าย จบครึ่งแรกจึงเสมอกัน 2-2
ครึ่งหลังนาที 48 ลิเวอร์พูลได้เตะมุมฝั่งขวา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดมาให้ ซาดิโอ มาเน สะบัดหัวโขกตรงกรอบ ยาน โอบลัก ยังกระโดดปัดทิ้งได้
นาที 49 แอตฯ มาดริดก็เกือบได้เช่นกัน ยานนิก การ์รัสโก ทำชิ่งกับเพื่อนจนหลุดเข้าเขตโทษ แต่จังหวะยิงโดนนายทวารขยับออกมาปิดมุมเซฟได้ทันการณ์
นาที 52 อองตวน กรีซมันน์ ตั้งใจจะเล่นบอลที่ลอยกลางอากาศ แล้วยกเท้าสูงถึงขั้นยันเข้าใส่ศีรษะ โรแบร์โต ฟีร์มิโน ผู้ตัดสินจึงแจกใบแดงไล่กรีซมันน์ออกทันที แอตฯ มาดริดต้องเหลือผู้เล่น 10 คน
นาที 76 ดิโอโก โชตา วิ่งเข้าเขตโทษหวังเก็บบอลที่ลอยโด่ง แล้วโดน มาริโอ เอร์โมโซ ชนล้มลง ผู้ตัดสินจึงให้จุดโทษแก่ลิเวอร์พูล โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สังหารไม่พลาด “หงส์แดง” นำอีกรอบ 3-2
นาที 81 แอตฯ มาดริดเปิดฟรีคิกเข้าเขตโทษ โฮเซ มาเรีย คิเมเนซ พุ่งปราดเข้าใส่หวังจะโหม่ง แล้วโดน ดิโอโก โชตา ชนจากข้างหลังล้มลง เดิมทีผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษ แต่มาดูวีเออาร์แล้วกลับคำตัดสินเป็นไม่ฟาวล์แทน จบเกมลิเวอร์พูลบุกชนะ 3-2
อีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน ปอร์โต(โปรตุเกส) ชนะ เอซี มิลาน(อิตาลี) 1-0
ทำให้ผ่านไป 3 นัดเท่ากัน ลิเวอร์พูลชนะรวด กวาดครบ 9 คะแนนเต็ม นำจ่าฝูง ตามด้วยอันดับ 2 แอตฯ มาดริด (4 คะแนน), อันดับ 3 ปอร์โต (4 คะแนน), อันดับ 4 มิลาน (0 คะแนน)
ด้านกลุ่มเอ คลับ บรูช จากเบลเยียม แพ้คารังต่อ “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองแชมป์เก่าจากอังกฤษ 1-5
โดยเจ้าถิ่นได้ประตูจาก ฮันส์ ฟานาเกน นาที 81 ส่วนทีมเยือนได้จาก เชา คันเซโล นาที 30, ริยาด มาห์เรซ นาที 43(จุดโทษ) และ 84, ไคล์ วอล์กเกอร์ นาที 53, โคล พาลเมอร์ นาที 67
ผลอีกคู่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง(ฝรั่งเศส) ชนะ ไลป์ซิก(เยอรมนี) 3-2
ผ่านไป 3 นัดเท่ากัน เปแอสเชนำจ่าฝูง (7 คะแนน), อันดับ 2 แมนฯ ซิตี้ (6 คะแนน), อันดับ 3 คลับ บรูช (4 คะแนน), อันดับ 4 ไลป์ซิก (0 คะแนน)
กลุ่มซี อาแจ็กซ์ จากเนเธอร์แลนด์ เปิดบ้านถล่ม “เสือเหลือง”โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ จากเยอรมนี 4-0
เจ้าถิ่นได้ประตูจาก มาร์โก รอยส์ นาที 11(ทำเข้าประตูตัวเอง), ดาลีย์ บลินด์ นาที 25, อันโตนี นาที 57, เซบาสเตียง อัลเลร์ นาที 72
ส่วนอีกคู่ เบซิกตัส(ตุรกี) แพ้ สปอร์ติง ลิสบอน(โปรตุเกส) 1-4
ผ่านไป 3 นัดเท่ากัน อาแจ็กซ์ชนะรวด กวาดไป 9 คะแนนเต็ม นำจ่าฝูง ตามด้วยอันดับ 2 ดอร์ตมุนด์ (6 คะแนน), อันดับ 3 สปอร์ติง (3 คะแนน), อันดับ 4 เบซิกตัส (0 คะแนน)
กลุ่มดี “งูใหญ่”อินเตอร์ มิลาน จากอิตาลี เปิดบ้านเอาชนะเชอริฟฟ์ จากมอลโดวา 3-1
เจ้าบ้านได้ประตูจาก เอดิน เชโก นาที 34, อาร์ตูโร วิดัล นาที 58, สเตฟาน เดอ ฟราย นาที 67 ส่วนทีมเยือนได้จาก เซบาสเตียง ธิลล์ นาที 53
อีกคู่ ชักตาร์ โดเน็ตส์ก(ยูเครน) แพ้ เรอัล มาดริด(สเปน) 0-5
ผ่านไป 3 นัดเท่ากัน เชอริฟฟ์กับมาดริดมี 6 คะแนนเท่ากัน แต่เชอริฟฟ์นำจ่าฝูงเพราะเฮดทูเฮดดีกว่า อันดับ 3 อินเตอร์ (4 คะแนน), อันดับ 4 ชักตาร์ (1 คะแนน)