สศก.ชี้น้ำท่วม ภาคเกษตร สูญ 8 พันล้าน -กระทบพื้นที่เกษตร 5.37 ล้านไร่ ฉุดจีดีพีภาคเกษตรลด 0.5% ข้าว-พืชผัก เสียหาย 30%

วันที่ 20 ต.ค.64 นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)และโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ สศก. ประเมินความเป็นไปได้ที่ปริมาณผลผลิตจะเสียหายตามพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยพิจารณาระดับความอ่อนไหวของพืชนั้น ๆ ต่อภาวะน้ำท่วม เช่น ผลผลิตข้าว ประเมินว่ามีโอกาสเสียหายประมาณ 30% ของข้าวทั้งหมดที่ปลูกในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม เนื่องจากนาข้าวส่วนใหญ่อยู่ในที่ลุ่ม ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมขัง

ขณะที่พืชไร่ ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง มักปลูกในที่ดอน จึงไม่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังเหมือนข้าว บางส่วนได้รับความเสียหายจากน้ำไหลหลาก คาดว่าโอกาสเสียหายจะอยู่เพียง5% ของพืชไร่ในพื้นที่น้ำท่วมเท่านั้น

ส่วนพืชผักมีโอกาสเสียหายประมาณ 30% ของพื้นที่ปลูกที่โดนน้ำท่วม โดยภาพรวมมีพื้นที่เกษตรได้รับผลกระทบประมาณ 5.37 ล้านไร่ โดยประเมินสถานการณ์ เป็น 2 กรณี (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ต.ค. 2564)

1. กรณีน้ำท่วมเดือนก.ย.- กลางต.ค. 2564 สำหรับข้าวนาปี คาดว่ามีพื้นที่เสียหาย 3.5 ล้านไร่ มีมูลค่าความเสียหาย 4,685 ล้านบาท และพืชผัก คาดว่ามีพื้นที่เสียหาย 0.18 ล้านไร่ มีมูลค่าความเสียหาย 1,069 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 6,250 ล้านบาท

2. กรณีน้ำท่วมขัง เดือนก.ย. – ต.ค.2564 สำหรับข้าวนาปี คาดว่ามีพื้นที่เสียหาย 5 ล้านไร่ มีมูลค่าความเสียหาย 6,692 ล้านบาท และพืชผัก คาดว่ามีพื้นที่เสียหาย 0.23 ล้านไร่ มีมูลค่าความเสียหาย 1,366 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 8,058 ล้านบาท

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นดังกล่าว คาดว่าจะทำให้ จีดีพี ภาคเกษตรปี 2564 ลดลงประมาณ 4,190 – 5,730 ล้านบาท หรือลดลง 0.2 – 0.5% ซึ่งเป็นการประเมินในเบื้องต้นที่ไม่ได้รวมความเสียหายด้านทรัพย์สิน ทั้งนี้ จึงต้องมีการติดตามผลกระทบอย่างต่อเนื่องในระยะต่อไป

สำหรับปี 2564 ภาคเกษตรได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ปี 2564 หลังมีพายุ และอิทธิพลพายุ กระทบประเทศไทยจำนวน 6 ลูกได้แก่ พายุไซโคลน “ยาอาส” เกิดขึ้นระหว่าง 25 – 29 พ.ค., พายุ ‘โคะงุมะ’ เกิดขึ้นระหว่าง 12 – 13 มิ.ย. พายุโซนร้อน “โกนเซิน” เกิดขึ้นระหว่าง 9-10 ก.ย.

“พายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” เกิดขึ้นระหว่าง 23 – 30 ก.ย. พายุโซนร้อน “ไลออนร็อก” เกิดขึ้นระหว่าง 10 – 12 ต.ค. และ พายุโซนร้อน “คมปาซุ” เกิดขึ้นระหว่าง 13 – 15 ต.ค. และขณะนี้ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

จากอิทธิพลพายุทั้ง 6 ลูก ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมเฉียบพลัน น้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่การเกษตร ร่องมรสุมกำลังแรงดังกล่าว มีสาเหตุจากปรากฏการณ์ลานิญา ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลายแห่งมีปริมาณน้ำเกินกว่าระดับกักเก็บ

โดยเฉพาะเขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนลำตะคอง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จนต้องเร่งระบายน้ำออกสู่พื้นที่ท้ายเขื่อน ซึ่งทำให้หลายพื้นที่เกิดอุทกภัยอย่างหนัก

การที่ฝนตกชุกยาวนานนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2564 ก่อให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมครอบคลุมพื้นที่ 48 จังหวัดในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ ส่งผลกระทบต่อประชากร 5% ของประเทศ จากประชากรทั้งหมดทั่วประเทศประมาณ 69.8 ล้านคน และพื้นที่เกษตรได้รับผลกระทบ 6.5% ของพื้นที่การเกษตรในประเทศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน