ทนายพาสาวเอน รับงานถูกกระทำ คดีไม่คืบ ตำรวจพยายามให้ยอมความ ลั่นเอาเรื่องถึงที่สุด ตอนโดนกระทำ นั่งร้องไห้ แต่คนก่อเหตุกลับหัวเราะไม่สลด

วันที่ 21 ม.ค.2565 นายบุญมี จอมหงส์ ทนายความพาหญิงสาวอายุ 27 ปี อาชีพเอนเตอร์เทนเข้าพบพ.ต.ท.กิตติ์ ยังมี รองผกก.(สอบสวน) สน.คลองตัน เพื่อติดตามความคืบหน้าในคดี ที่ถูกลูกค้า 2 คนข่มขืนและเกรงว่าคดีจะไม่คืบหน้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่แจ้งว่าผลตรวจร่างกายจากแพทย์ไม่พบร่องรอยข่มขืน และคู่กรณีติดต่อให้เงินเพื่อยอมความ

โดยผู้เสียหายเผยว่า ตนรับงานวันที่ 13 ส.ค.2564 ไปเอนเตอร์เทนลูกค้าที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านพระราม 4 มีลูกค้า 5 คน ในราคา 3,500 บาท และยังมีหญิงสาวเอนเตอร์เทน อีก 2 คนที่ไม่รู้จักกัน ถูกว่าจ้างให้มาทำงานนี้ด้วย โดยทำงานตั้งแต่ เวลา 22.00-04.00 น. ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ตนถูกลูกค้าสองคนข่มขืนในห้องน้ำของโรงแรมดังกล่าว ระหว่างเกิดเหตุตนได้บอกแฟนตนให้ไปแจ้งตำรวจ ทำให้ทั้งหมดถูกจับกุมในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

หลังจากนั้นได้ไปแจ้งความข่มขืนไว้ที่สน.คลองตัน แต่คดีไม่คืบหน้า พนักงานสอบสวนอ้างว่าผู้ต้องหาติดโควิด-19 คดีผ่านไป 5 เดือนแล้ว ตำรวจอ้างว่าพบเพียงถุยางอนามัยในที่เกิดเหตุ ไม่มีดีเอ็นเอผู้ต้องหาและของตน ส่วนร่องรอยข่มขืนจากรพ.ตำรวจ แพทย์แจ้งว่าไม่พบ จึงกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม แถมช่วงแรกตำรวจพยายามให้ยอมความ อ้างว่าหลักฐานไม่พอ แต่ตนต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

“ไม่ขอรับเงิน รู้สึกเจ็บใจที่หลังถูกข่มขืน ตนนั่งร้องไห้ แต่คนร้ายกับหัวเราะกลับไม่มีท่าทีสลดอะไรเลย”

ตนรับเพียงแค่งานชงเหล้า เล่นเกมส์ หรือ งานเอนเตอร์เทนเท่านั้น ไม่รับงานที่มีเพศสัมพันธ์แต่อย่างใด ส่วนกรณีที่เกิดขึ้น ไม่แน่ใจว่าลูกค้าวางแผนไว้ตั้งแต่ต้น หรือ อาการเมาเป็นเหตุให้ควบคุมตนเองไม่ได้ ปกติแล้วตนทำงานฟรีแลนซ์และทำงานกลางคืนกับแฟนในสถานบันเทิง แต่ผับปิดเพราะโควิด-19 จึงหารายได้เสริมเพื่อส่งเงินให้ครอบครัว

นายบุญมีเผยว่า ตนได้นำหลักฐานเป็นข้อความแชททางไลน์ที่ผู้เสียหายส่งหาแฟนให้มาพาตัวออกจากที่เกิดเหตุและหลักฐานการโอนเงิน 20,000 บาท จากเพื่อนของผู้ต้องหาที่ต้องการให้ยอมความมามอบให้พนักงานสอบสวน ทางพนักงานสอบสวนแจ้งว่า เตรียมส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวน ให้กับพนักงานอัยการ ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ ในข้อหาข่มขืน แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธ

ทั้งนี้ตนได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ให้สอบปากคำแฟนของผู้เสียหายและพ่อของผู้เสียหาย ที่ได้พูดคุยกับสาวเอนเตอร์เทนรายอื่นที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพื่อเป็นพยานประกอบสำนวน ทั้งนี้ในวันเกิดเหตุ หลังจากเจ้าหน้าที่จับกุมผู้เสียหายและผู้ต้องหาในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผู้ต้องหาพยายามจะขอโทษ แต่ผู้เสียหายไม่ต้องการ เนื่องจากต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หากพนักงานสอบสวนไม่ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม จะยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมกับพนักงานอัยการต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน