รองผู้ว่าฯ ชัยภูมิ นำกำลังเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ตรวจสอบสำนัก พระบิดา อีกรอบ จ่อฟันข้อหาเพิ่ม หลังจากโดนแล้ว 8 ข้อหาหนัก

จากกรณี นายทวี หนันลา อายุ 74 ปี หรือที่ลูกศิษย์เรียกว่า พระบิดา เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมลัทธิประหลาด รักษาสาวกด้วยการให้กินสิ่งสกปรกทั้งน้ำปฏิกูล ขี้ไคล เสมหะ น้ำเหลืองที่ต่อท่อออกมาจากโลงศพ โดยอ้างว่าเพื่อช่วยรักษาโรคและช่วยให้ผู้ตายได้ขึ้นสวรรค์ นอกจากนี้ ยังพบโลงบรรจุศพอีก 11 ศพ บางศพก็มารักษาและเสียชีวิตที่นี่ บางศพก็เสียชีวิตที่บ้านแล้วนำศพมาให้พระบิดาตามความเชื่อ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว : พระบิดาเปิดใจ! ยืนยันล้าน% ไม่ทำแบบเดิมอีก พร้อมขึ้นศาลตามกฎหมาย

ล่าสุดวันที่ 13 พ.ค.2565 นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่การปกครองจังหวัดตำรวจ ป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่สำนักงานปศุสัตว์ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน

รองผู้ว่าฯ ชัยภูมิ นำกำลังเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ตรวจสอบสำนัก พระบิดา อีกรอบ จ่อฟันข้อหาเพิ่ม

รองผู้ว่าฯ ชัยภูมิ นำกำลังเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ตรวจสอบสำนัก พระบิดา อีกรอบ จ่อฟันข้อหาเพิ่ม

เข้าตรวจสอบเก็บหาหลักฐานต่าง ๆ โดยแยกให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ได้ออกหาหลักฐานมานำมาแจ้งความดำนินคดีกับ พระบิดา โดยได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิได้เก็บตัวอย่างน้ำหมักต่าง ๆ ในโอ่งนับ 100 ใบ พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำในบ่อหมักแจ่วปลาร้าบองเพื่อส่งไปตรวจพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการณ์สาธารณสุขฯ

ส่วนเจ้าหน้าที่ อส. ฝ่ายปกครองได้ขุดหาหลักฐานต่าง ๆ โดยรอบสำนัก นอกจากนี้ ยังได้ให้ปศุสัตว์มาตรวจนับสัตว์ต่าง ๆ ทั้งที่ผิดกฎหมายและถูกกฎหมาย พร้อมทำบัญชีการตรวจนับ พบว่าภายในวัดยังมีสัตว์จำนวนมาก ประกอบด้วย วัว 11 ตัว, ควาย 5 ตัว, กวางพันธุ์รูซ่า 15 ตัว, ไก่ไข่ประมาณ 30 ตัว, ไก่พื้นเมืองและไก่งวงอีกจำนวนหนึ่ง ที่กระจายอยู่ตามตัวไม้ในพื้นที่, เป็ดเทศ ประมาณ 15 ตัว, สุนัขประมาณ 40 ตัว, แมว 20 ตัว, อีกัวน่า 1 ตัว และหนูตะเภา 24 ตัว ซึ่งขณะนี้พบว่าสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสำนักกำลังอดอาหารหิวโซ โดยมีชาวบ้านนำอาหารเม็ดมาวางไว้ให้กิน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าแจ้งดำเนินคดีกับ นายทวี หรือ พระบิดา แล้วใน 8 ข้อหาหนัก ได้แก่ 1.ข้อหาการบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ 2.ข้อหาการรักษาโรค ผิด พ.ร.บ.ความสะอาดของสาธารณสุขฯ 3.ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ตาม พ.ร.ก.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

4.ปลูกผลิตกัญชา 5.มีซากสัตว์ป่าสงวนไว้ในครอบครอง 6.เจาะบ่อบาดาลและใช้น้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต 7.ดำเนินคดีในฐานทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 11, 73 (มีไม้พะยูง 40 ท่อนอยู่ในสำนัก) และ 8.ฐานมีไม้ท่อนหวงห้าม (มีไม้เต็งรัง จำนวน 11 ท่อน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 69

จากนั้น ยังให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้จับพิกัดพบว่า นายทวีได้บุกรุกที่ป่าไม้สาธารณะ กว่า 26 ไร่ นั่นหมายความว่าอยู่ในเขตป่าไม้ 2484 และตามมาตรา 4 วงเล็บ 1 ที่ระบุที่ดินที่ยังมีผู้ได้มา ตามประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ของกรมป่าไม้ยังต้องดูแล ดังนั้น การเข้ายึดถือครอบครองทำประโยชน์โดยไม่ได้ขออนุญาตจากกรมป่าไม้ ถือว่าเป็นการบุกรุกอย่างแน่นอน จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 54, 55 อีกกระทง

ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าแจ้งความดำเนินการตามกฎหมายกับนายทวีเพิ่มเติ่มต่อ พ.ต.ท.ธนะสิทธิ์ อุดมพรวรชัย สารวัตร(สอบสวน) สภ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ พร้อมทั้งสั่งการให้ฝ่ายปกครอง ตำรวจ จัดกำลัง ในพื้นที่จัดเวรยาม เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และบริเวณโดยรอบหมู่บ้านแล้ว เพื่อป้องกันการจะมีการเข้ามาขโมยทรัพย์สินและทำลายหลักฐาน

ก่อนที่จะมีการติดประกาศขนาดใหญ่อีกจำนวน 3 ป้ายบริเวณปากทางเข้าระบุ 1.พื้นที่กำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ 2.ป้ายกำหนดพื้นที่หวงห้ามเข้า-ออก 3.ป้ายขอให้ออกจากพื้นที่ที่เกิดข้อพิพาท ซึ่งหลังจากนี้ก็มีเจ้าหน้าที่มาคอยอำนวยความสะดวกพร้อมปิดกันทางเข้าออกอย่างถาวร

อีกทั้งยังได้รอการตรวจสอบปลาร้าของทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ และรอกรมอุทยานสัตว์ป่าภูเขียว เข้ามาแจ้งความ เนื่องจากในส่วนที่พบยังมีทั้งซากสัตว์และโครงกระดูกของสัตว์สงวน ก่อนรวบรวมพยานต่างไว้เพื่อรอดำเนินคดีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน