ทีม ‘เอ้ สุชัชวีร์’ ลั่นปัญหาปากท้องสำคัญสุด ดันขายของได้ทุกวัน กำจัดส่วยให้หมด กระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ผู้ค้ามีรายได้เพียงพอเลี้ยงครอบครัว
เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2565 นายเมธวิน อังคทะวานิช หรือ วิน ผู้สมัคร ส.ก.เขตพญาไท เบอร์ 1 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนโยบายหลัก 4 ด้าน จากประสบการณ์ตรงในการลงพื้นที่ ได้แก่ 1.พญาไทปลอดภัย 2.พญาไทมั่งคั่ง 3.พญาไทปลอดโรค และ4.พญาไทเป็นเลิศ ตามสโลแกน “1+4 เปลี่ยนนโยบายให้วิน”
นายเมธวิน เผยถึงเสียงสะท้อนจากการลงพื้นที่ และพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้า ทั้งในซอยอารีย์ และประดิพัทธ์ พบว่า จากปัญหาของภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับมีสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ส่งผลให้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พ่อค้าแม่ค้าได้รับผลกระทบยอดขายลดลง โดยเฉพาะในซอยอารีย์ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ช็อปปิ้ง จะมีร้านอาหารอร่อย ปกติจะมีพนักงานออฟฟิศคนไทย และชาวต่างชาติที่อยู่ในเมืองไทย พากันมาเดินหาซื้ออาหารการกิน ทั้งในมื้อเช้า กลางวัน และมื้อเย็น เรื่อยไปถึงช่วงค่ำคืน
“ผมได้ปรึกษากับ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เกี่ยวกับปัญหาในเรื่องนี้ว่า หากได้รับเลือกเข้าไปทำงาน เราจะผลักดันให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้ารถเข็น และแผงลอยตามทางเท้าในเขตกรุงเทพมหานคร สามารถขายของในวันจันทร์ได้ ซึ่งปกติจะต้องหยุดค้าขาย เพื่อทำความสะอาดทางเท้า”
“ตอนนี้ปัญหาปากท้องสำคัญที่สุด ทุกคนต้องกินต้องใช้ทุกวัน ครอบครัวส่วนใหญ่เป็นชนชั้นฐานราก ต้องหาเช้ากินค่ำ ในเมื่อท้องยังหิว ลูกหลานยังอด ต่อให้ออกนโยบายสวยหรูแค่ไหน ก็คงไม่มีความจำเป็นเท่าเรื่องของปากท้อง เราต้องให้พวกเขามีรายได้เพียงพอในทุกวันเพื่อนำไปเลี้ยงครอบครัว ขณะเดียวกันคนซื้อก็สามารถหาซื้อได้ทุกวัน”
นายเมธวิน กล่าวต่อว่า หากพวกเขาสามารถค้าขายได้ทุกวัน ในพื้นที่ที่ทางเขตและกทม.จัดสรรไว้ให้ ตนเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในครัวเรือนให้กลับมา อย่างไรก็ตาม เรื่องความสะอาดและการเคารพสิทธิของผู้ใช้ทางเท้า การตั้งวางแผงค้าจะต้องเป็นระเบียบเรียบร้อย คนเดินถนนจะต้องเดินได้สะดวก ปลอดภัย ถนนเส้นไหนที่คับแคบ ก็จะส่งเสริมให้ไปค้าขายบนถนนที่กว้างกว่า และจะมีน้ำประปาให้ใช้ เพื่อสุขอนามัยที่ดีของผู้ซื้อและผู้ขาย
“หลังจากจัดระเบียบการค้าขายบนทางเท้าได้แล้ว ที่สำคัญจะต้องหยุดเรื่องส่วยให้ได้ด้วย อย่าให้พ่อค้าแม่ค้า ต้องมาจ่ายส่วยรายวัน จากการลงพื้นที่หาเสียงที่ผ่านมา ผมได้เดินไปแนะนำตัวกับพ่อค้าแม่ค้า ทุกคนต่างชื่นชอบในนโยบายนี้และอยากให้ทำได้สำเร็จเร็วๆ” นายเมธวิน กล่าวทิ้งท้าย
