ฝ่ายค้าน-พรรคร่วมรัฐบาล รุมสับงบกรมการข้าว ซัดคลุมเครือ สุดฉาวโฉ่

ฝ่ายค้าน-พรรคร่วมรัฐบาล รุมสับงบกรมการข้าว ชี้ไม่มีประสิทธิภาพ แถมยังคลุมเครือ สุดฉาวโฉ่ ชี้งบพุ่งสูงกว่า 1.5 หมื่นล้านในโครงการเดียว

วันที่ 18 ส.ค.2565 ที่รัฐสภา มีการพิจารณางบประมาณแผ่นดิน โดยเข้าสู่การพิจารณา มาตรา 14 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานในกำกับ ที่ กมธ.เสียงข้างมากตัดงบเหลือ 60,365,691,100 บาท โดยทั้งฝ่ายค้านรวมทั้ง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ต่างรุมถล่มกรมการข้าวที่ใช้งบประมาณไม่มีประสิทธิภาพและคลุมเครือ

นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอตัดงบ 15,260 ล้านบาท เพราะในกระทรวงเกษตรฯ มีกรมการข้าวที่โตขึ้น ใหญ่ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของประเทศ จากเดิมปี 2565 ได้งบ 2 พันล้านบาท ปี 2566 งบโตเป็น 1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งโตเร็วกว่าปลดล็อกกัญชาเสรี ปรากฏว่างบที่ปูดขึ้นมา 15,260 ล้านบาทในโครงการเดียว โดยมีวัตถุประสงค์ให้ชาวนาร่วมกันบริหารเงินก้อนดังกล่าว โดยเป็นการให้เงิน 3 ล้านบาทแจกลงไปยังศูนย์ข้าวชุมชน 5 พันศูนย์

เมื่อไปดูปรากฏว่ามีศูนย์ข้าวชุมชนเพียง 2,400 แห่ง ส่วนที่เหลือจะตั้งเพิ่มให้เสร็จภายในเดือนต.ค.นี้ เหลือเวลาอีกแค่ 60 วัน จะตั้งทันได้อย่างไร ขณะที่รัฐมนตรีช่วยฯ ซึ่งกำกับดูแลกรมนี้ ตอบว่าไม่เคยเห็นโครงการนี้มาก่อนเลยในชีวิต จนมีการตั้งคณะกรรมการสอบ เรียกอธิบดีกรมการข้าวมาชี้แจงแต่ตัวจริงไม่มา ส่งแต่เอกสารมาชี้แจง

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะมาแทนโครงการเกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งหลายกรมก็ดำเนินการซึ่งซ้ำซ้อน สรุปแล้วโครงการนี้จะดำเนินการอย่างไรกันแน่ สงสารพี่น้องชาวนาที่ไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง ขนาดรัฐมนตรียังไม่รู้เรื่องเลย

วันนี้มีโทรศัพท์เข้ามาหาตน บอกว่าหมอวาโยกำลังเตะหมูเข้าปากหมาหรือเปล่า แม้รัฐมนตรีช่วยฯ จะไม่รู้เรื่อง แต่รัฐมนตรีว่าการฯ เหมือนจะรู้เรื่อง ดังนั้นโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งแบบนี้ เงิน 1.5 หมื่นล้านเป็นการสะสมกระสุนหรือเปล่า หากว่ากันตามเนื้องาน จากประวัติการทำงานของกรมการข้าว กรมนี้ไม่น่าจะทำงานนี้ได้ ดังนั้นให้โครงการนี้ผ่านไม่ได้ ต้องตัดทิ้ง

ด้านนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายสนับสนุนว่า เห็นด้วยว่างบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาทของกรมการข้าว เป็นงบฉาวโฉ่อย่างที่เพื่อนสมาชิกว่าจริงๆ

ทั้งนี้หลังจากสมาชิกอภิปรายกันอย่างกว้างขวางและลงมติในมาตรา 14 เสร็จสิ้น ที่ประชุมจะได้พิจารณาต่อไปจนกระทั่งเวลา 02.00 น. วันที่ 19 ส.ค. เนื่องจากการพิจารณาที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความล่าช้า และที่ประชุมต้องการให้พิจารณาวาระ 2 และโหวตในวาระ 3 ให้เสร็จภายในวันเดียวกัน