วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00:01 น.
วงค์ ตาวัน
ได้
เห็นข่าวพล.ท.อุทาร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 18
ก.ค.ที่ผ่านมา ด้วยอาการป่วยไข้ในวัย 82 ปี
ทำให้ต้องนึกย้อนถึงเรื่องราวและบทบาทของอดีตนายทหารคนดังผู้นี้
นอกจากเป็นผู้สามารถในด้านการเป็นนักเขียน นักแปลเรื่องตลกจากต่างประเทศที่มีชื่อเสียงแล้ว
ในทางการเมืองต้องนับว่า เป็นผู้มีบทบาทสำคัญมาก ในช่วงเหตุการณ์ยุคขัดแย้งซ้าย-ขวา สมัยปี 2518-2519
ยุคนั้นยังเป็นพันโท เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของชมรมวิทยุเสรี ซึ่งมีสถานีวิทยุยานเกราะเป็นแกนหลัก
ออกรายการเผยแพร่ทางเครือข่ายสถานีวิทยุกองทัพบก ชูอุดมการณ์ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์
เน้นโหมความคิดอนุรักษนิยมทางการเมือง เพื่อต่อต้านขบวนการนักศึกษาและฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งเติบโตหลัง 14 ต.ค. 2516
จึงกล่าวได้ว่าเป็นนายทหารที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ ฝ่ายขวาอย่างเหนียวแน่นของบ้านเมืองเรา!
บรรดาผู้ที่สืบทอดแนวคิดนี้ คงต้องไปร่วมกันอาลัยในพิธีศพที่วัดมกุฏกษัตริยาราม
ในแง่ของผู้ยึดมั่นในแนวทางอนุรักษนิยมการเมือง ต้องจดจำชื่อนี้ไปยาวนาน
หลายครั้งที่บทวิพากษ์วิจารณ์การเมืองในยุคหลังๆ ซึ่งเปรียบเทียบย้อนอดีตยุค 14 ต.ค. 2516 ไปจนถึงยุค 6 ต.ค. 2519
มักมีการเอ่ยอ้างถึงบทบาทของฝ่ายขวาที่ต่อสู้ทางอุดมการณ์กับฝ่ายซ้าย
โดยต้องมีคำประเภท วิทยุยานเกราะ หรือชมรมวิทยุเสรี
นี่แหละที่พล.ท.อุทาร สร้างผลงานฝากเอาไว้!
แต่
จะว่าไปแล้ว ในยุคก่อนปี 2519 หรือในยุคปัจจุบัน ต้องยอมรับว่า
บ้านเมืองเรามีกลุ่มคนที่มีความเชื่อทางการเมืองแตกต่างและเป็นฝ่ายตรงกัน
ข้ามมาตลอด
ในทุกสังคมโลกก็เป็นเช่นนี้
เพียง
แต่ในสังคมการเมืองที่เจริญแล้วนั้น ความคิดต่าง จะเป็นซ้ายกับขวา
ฝ่ายอนุรักษนิยมกับฝ่ายเสรีประชาธิป ไตย สามารถต่อสู้ทางความคิดได้
บนเวทีสันติวิธี
ผ่านทางพรรรคการเมืองตัวแทน และตัดสินกันตอนเลือกตั้ง!
ประเทศไทยวันนี้ กำลังมาจัดระบบระเบียบ เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้บนแนวทางสันติ
อีกทั้งคนที่เคยอยู่ตรงข้ามกับพล.ท.อุทารในสมัยก่อนจำนวนหนึ่ง วันนี้กลับหันหลังเปลี่ยนข้าง
นักวิชาการ นักคิดนักเขียน นักกวี นักดนตรีเพื่อชีวิต หลายราย วันนี้มายืนอยู่บนแนวทางอนุรักษนิยมทางการเมือง
จากซ้ายมาเป็นขวา หรือใครจะอนุรักษนิยม ใครจะเสรีนิยม
คิดต่างกันได้ เพียงแต่ต้องสู้กันอย่างสันติ!