การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ที่รัสเซีย ประจำวันที่ 26 มิ.ย. นัดสุดท้ายรอบแรก กลุ่ม ซี . ทีม”ตราไก่”ฝรั่งเศส พบกับ เดนมาร์ก ที่ ลุชนิกิ สเตเดียม กรุงมอสโก เวลา 21.00 น.
ก่อนฟาดแข้ง ฝรั่งเศส ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแน่นอนแล้ว จากผลงานชนะรวด 2 นัด ขณะที่ นักเตะ”โคนม” เดนมาร์ก ชนะ 1 เสมอ 1 มี 4 คะแนน ขอเพียงยันสกอร์เสมอฝรั่งเศส ก็จะกอดคอกันเข้ารอบทันที

หนุ่มน้อยเชียร์เดนมาร์ก พร้อมหนุนทีมชน เปรู กลุ่มซี นัดสุดท้าย(REUTERS)

สำหรับผู้เล่น 11 ตัวจริงทั้งสองทีมมีดังนี้
เดนมาร์ก (4-3-3) : 1.แคสเปอร์ ชไมเคิล – 14.เฮนริก ดัลส์การ์ด, 4.ไซมอน เคียร์, 6.อันเดรียส คริสเตียนเซน, 17.เยนส์ สตรีเกอร์ ลาร์เซน – 8.โธมัส เดลานีย์, 13.มาธิอัส ยอร์เกนเซน, 10.คริสเตียน อีริกเซน – 23.ปิโอเน ซิสโต, 21.อันเดรียส คอร์เนลิอุส, 11.มาร์ติน เบรทเวต

ฝรั่งเศส (4-2-3-1) : 16.สตีฟ ม็องด็องดา – 19.ฌิบริล ซิดิเบ, 4.ราฟาเอล วาราน, 3.เปรสเนล คิมเปมเบ, 21.ลูกาส์ เอร์น็องเดซ – 13.เอ็นโกโล ก็องเต, 15.สตีเวน เอ็นซงซี – 11.อุสมาน เดมเบเล, 7.อ็องตวน กรีซมันน์, 8.โธมาส์ เลอมาร์ – 9.โอลิวิเยร์ ชิรูด์

เริ่มเกม เดนมาร์ก ก็เปิดเกมรุกเข้าใส่ทันที ทว่าแนวรับฝรั่งเศส ยังทำหน้าที่ได้ไม่ผิดพลาด

นักเตะแดนโคนม ใช้การสาดบอลยาวเติมเกมรุกขึ้นทางกราบขวา ฝรั่งเศสได้จังหวะสวนกลับ ทว่าจังหวะสุดท้ายก็ยังไม่มีโอกาสจบสกอร์
ผ่านไป 14 นาที ทีมตราไก่มีโอกาสสับไกยิงบ้างจาก โอลิวิเยร์ ชิรูด์ แต่ แคสเปอร์ ชไมเคิล นายทวารจอมหนึงโดดปัดออกไปได้หวุดหวิด เกมผ่านไป 25 นาที นักเตะแดนน้ำหอมเริ่มมีโอกาสบุกบ้างเป็นระลอก นาที 32 อุุสมาน เดมเบเล ขอฝรั่งเศส ได้จังหวะสับไกยิงบ้างแต่บอลก็พุ่งเฉียดเสาสองออกข้างไปเพียงนิดเดียว ช่วงท้ายครึ่งแรก ฝรั่งเศสยังมีโอกาสได้สับไกอีกถึงสองสามครั้ง ทว่ายังขาดความแม่นยำทำเสียของออกไปเองหมด ล่วงเข้าช่วงทดเวลาเจ็บ เดนมาร์กได้เตะมุมบ้าง แต่โดน อ็อองตวน กรีซมันน์ ลากทะลุขึ้นไปจากแดนตัวเอง ก่อนโดนเสียบทำฟาว์ล กรรมการเป่าจบเกม สกอร์จึงเสมอกันอยู่ 0-0 ประตู

เริ่มฟาดแข้งต่อช่วงครึ่งหลัง ได้ 4 นาที ฝรั่งเศสเปลี่ยน แบ็งฌาแแม็ง เมนดี ลงแทน ลูกาส์ เอร์น็องเดช ในตำแหน่งแบ๊กซ้าย นาที 53 เดนมาร์กมีโอกาสใกล้เคียงจะได้ประตูบ้างจากลูกฟรีคิก ทว่าบอลไม่ผ่านมือของ สตีฟ ม็องด็องดา ผู้รักษาประตูฝรั่งเศส
ห้านาทีถัดมา ยังคงเป็นเดนมาร์กที่มีโอกาสได้หวดเต็มข้ออีกครั้ง จาก คริสเตียน อีริกเซน ทว่าบอลพุ่งออกข้างเสาแรกไปอย่างน่าเสียดายอีกครั้ง จากนั้น ทีมโคนมเปลี่ยน วิกตอร์ ฟิชเชอร์ ลงแทน ปิโอเน ซิสโต ล่วงเข้าช่วงยี่สิบห้านาทีสุดท้าย ยังคงเป็นเดนมาร์กที่พยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่ ทว่าก็ยังไม่สามารถจบสกอร์จังหวะสุดท้ายได้อยู่ดี ถึงนาที 68 ฝรั่งเศสเปลียน นาบิล เฟคึร์ ลงมาแทน กรีซมันน์ บ้าง เพื่อถนอมตัวดาวดังรายนี้ไว้

 

ตัวของเฟคีร์ ลงมาในสนามเพียงอึดใจก็ได้จังหวะหวดซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งเสียบหน้าต่างเดนมาร์ก ไปอย่างน่าเสียดายอีกครั้ง นาที 77 ฝรังเศสเปลี่ยน คีลิย็อง เอ็มบัปเป ตัวสำรองคนดัง ลงมาบ้างในช่วงท้ายเกม และกลายเป็นนักเตะแดนน้ำหอมที่มีโอกาส สับไกยิงได้มากขึ้น หลังจากตั้งรับเป็นส่วนใหญ่มาตลอดครึ่งหลัง แต่สุดท้ายทั้งสองทีมก็ทำอะไรกันไม่ได้ ลงเอยด้วยการเสมอกันไปแบบไร้สกอร์ทำประตู 0-0 ประตู นับเป็นคู่แรกในทัวร์นาเม้นต์ ที่ไม่มีการยิงเกิดขึ้น

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน