การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ที่ประเทศรัสเซีย ประจำวันที่ 23 มิ.ย.61 กลุ่ม จี. “ปิศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม พบ ตูนิเซีย ที่สนาม สปาร์ตัก สเตเดียม กรุงมอสโก เริ่มเวลา 19.00 น.
เบลเยียม โชว์ฟอร์มสมราคาลงเล่นนัดแรก ถล่ม ปานามา 3-0 ยึดสถิติไม่แพ้ใครในทุกรายการ 20 เกมติดต่อกัน ขณะที่ตูนีเซีย พลาดท่าให้ “สิงโตคำราม” อังกฤษ ช่วงทดเจ็บ 1-2 สถานการณ์ล่าสุดก่อนเตะ หากชนะนัดนี้จะเข้ารอบต่อไปทันที ส่วนตูนิเซีย ต้องเกมแต้มให้ได้หากไม่อยากกลับบ้านเร็ว จากสถิติทั้งคู่พบกันมา 3 นัด ผลัดกันแพ้ ชนะ และ เสมอ

REUTERS/Albert Gea

สำหรับรายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง ทั้งสองทีมมีดังนี้
เบลเยียม (3-4-3) : 1.ธิโบต์ กูร์ตัวส์ – 2.โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์, 20.เดอดริก โบยาตา, 5.แยน แฟร์ตองเกน – 15.โทมาส์ มูนิเยร์, 7.เควิน เดอ บรอยน์, 6.อักเซล วิตเซล, 11.ยานนิก แฟร์เรรา การ์รัสโก – 14.ดรีส เมอร์เทนส์, 9.โรเมลู ลูกากู, 10.เอเดน อาซาร์
ตูนิเซีย (4-3-3) : 1.ฟารุก เบน มุสตาฟา – 11.ดีลัน บรอนน์, 2.เซียม เบน ยูสเซฟ, 4.ยาสซีน เมรีอาห์, 12.อาลี มาลูล – 7.ซาอิฟ-เอ็ดดีน คาอุย, 17.เอลลีส์ สคีรี, 13.เฟอร์จานี ซาสซี – 8.ฟาเคร็ดดีน เบน ยูสเซฟ, 10.วาห์บี คาซรี, 9.อานีซ บาดรี

เกมเริ่มไปเพียงแค่ 5 นาที เกิดการฟาว์ลขึ้นในจุดโทษ เมื่อ เซียม เบน ยูสเซฟ พุ่งเข้าตัดทางบอลเสียบ เอเดน อาซ่าร์ ล้มคาบเส้นพอดี ผู้ตัดสินชี้ให้เป็นจุดโทษทันที
อาร์ซ่า รับหน้าที่สังหารนิ่มๆ ฟารุก เบน มุสตาฟา ประตูพุ่งผิดทาง บอลไหลเรียดเข้าประตู กลายเป็นสกอร์ให้ เบลเยี่ยม ทะยานขึ้นนำ ตูนิเซียก่อน ทันที 1-0 ประตู

เท่านั้นยังไม่พอ เกมถึงนาทีที่ 16 ดรีส เมอร์เทนส์ ของเบลเยี่ยมตัดบอลคู่แข่งจากกลางสนาม ก่อนไหลให้ โรเมลู ลูกากู ซัดลูกเรียดส่งบอลเสียบเสาสอง พาปิศาจแดงแห่งยุโรปหนีเป็น 2-0

ทว่าแฟนบอลเบลเยี่ยมย่ามใจได้เพียงแค่สองนาที เป็นจังหวะให้ ตูนิเซีย โต้กลับเร็ว วาห์บี คาซรี โยนบอลให้ ดีลัน บรอนน์ ปราการหลังที่เติมขึ้นมาโขกบอลเข้าประตูตุงตาข่ายกลายเป็นลูกตีตื้นขึ้นให้ ตูนิเซีย 1-2 ประตู ชนิดแทบจะทันควัน สร้างบรรยากาศให้กดดันดุเดือดขึ้นทันที

อาซาร์ ดาวยิงเบลเยี่ยม ถูกนักเตะตูนิเซีย ทำฟาล์วเสียจุดโทษ(REUTERS)

ล่วงเข้านาที 22 ตูนิเซีย โชคร้ายเมื่อ ดีลัน บรอนน์ ผู้ทำประตูตีตื้น ได้รับบาดเจ็บต้องถูกหามออกนอกสนาม เปลี่ยนตัวออก ส่ง ฮัมดี นักเกซ ลงมาเล่นแทน

ดีลัน บรอนน์ ผู้ทำประตูตีตื้น ได้รับบาดเจ็บต้องถูกหามออกนอกสนาม เปลี่ยนตัวออก

เกมผ่านไปถึงนาทีที่ 40 ตูนีเซีย จำต้องเปลี่ยนผู้เล่นอีกเป็นคนที่สอง เมื่อ เซียม เบน ยูสเซฟ ได้รับบาดเจ็บต้องลงเปลหามออกไปอีกคน และส่ง โยฮัน เบนาลูอาน ลงมารับหน้าที่แทนในเกมรับ ครึี่งแรกทดเวลาบาดเจ็บออกไปสี่นาที เบลเยี่ยมได้ประตูที่สาม จากการหลุดทะลุช่องของโรเมลู ลูกากู ขึ้นยิงหนีมือผู้รักษาประตู กลายเป็นลูกที่สองของตนเองในเกมนี้ และสี่ประตูของตนในทัวร์นาเม้นต์ เท่ากับ คริสเตียโน โรนัลโด ของโปรตุเกส และยังเป็นสกอร์ให้ เบลเยี่ยม นำห่างตูนิเซีย 3-1 ประตู ก่อนจบครึ่งแรก

เกมช่วงครึ่งหลังเริ่มได้เพียงแค่ 4 นาที อาซาร์ โชว์ลีลาขั้นเทพ เมื่อได้บอลเปิดยาวมาจากแดนหลัง พักอก ก่อนลากเข้าไปดวลเดี่ยวกับ เบน มุสตาฟา นายทวารตูนิเซีย เกี่ยวบอลหลบหนึ่งจังหวะก่อนแปเข้าประตูไปอย่างสวยงามให้ เบลเยี่ยม หนีห่างเป็น 4-1 ประตู

เอเดน อาซาร์ กองหน้าปิศาจแดงแห่งยุโรป โชว์ลีลาขั้นเทพ ใช้อกพักบอลหนึ่งจังหวะ ก่อนตวัดเกียวบอลหลบนายทวารตูนิเซีย แล้วแปนิ่มๆ เป็นประตูให้ เบลเยี่ยม หนีห่างเป็น 4-1 ประตู

ช่วงสิบนาทีสุดท้าย แม้เบลเยี่ยมจะเปลีย่นตัวเก่ง ทั้ง อาซาร์ และ ลูกากู ออกไปพักเพื่อถนอมตัว และส่ง มิชี บาตซูอายี ลงมาแทน แต่ดูเหมือนจะตัวจะอับโชค เพราะมีจังหวะสับไกน่าจะได้ประตูหลายครั้งหลายหน แต่กลับหวนเผาขนชนคานกระดอนออกบ้าง ยิงข้ามคานบ้าง หวดติดกองหลังตูนิเซีย พลาดได้ประตูไปหมดอย่างน่าเสียดาย

มิชี บาตซูอายี ศูนย์หน้าเบลเยียม มีโอกาสใกล้เคียงจะพังประตูหลายครั้งหลายหน แต่โชคไม่เข้าข้าง เสียโอกาสงามๆไปหมด

กระทั่งถึงนาที 89 ความพยามยามของ บาตซูอายี ก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อเพื่อนเปิดบอลโด่งข้ามฟากมาทางกราบซ้ายให้โล่งๆ หัวหอกตัวสำรองตวัดบอลพุ่งเสียบเสาสอง เป็นประตูสมใจ และกลายเป็นสกอร์ย้ำชัยให้ เบลเยี่ยม หนีออกไปเป็น 5-1 หนำซ้ำช่วงทดเจ้าตัวยังมีโอกาสได้สับไกโล่งๆอีกครั้ง ทว่าบอลก็ไหลออกข้างเสาไปอย่างน่าเสียดาย

เวลาที่เหลือ ตูนิเซีย ได้ประตูปลอบใจ ปิดท้ายเกมจาก วาห์บี คาซรี ตวัดยิง ตีตื้น แต่เวลาที่เหลือไม่ทันการ จบเกม เบลเยี่ยม ถล่ม ตูนิเซีย ไปท่วมท้นและเป็นสกอร์ยิงกันสูงสุดนับตั้งแต่นัดแรกในทัวร์นาเม้นต์นี้ ด้วยสกอร์ 5-2 ประตู

ส่งผลให้ เบลเยียม มี 6 แต้มจาก 2 นัด โอกาสเข้ารอบค่อนข้างแน่นอน ขณะที่ ตูนิเซีย ไม่มีแต้ม โอกาสตกรอบค่อนข้างแน่นอนเช่นกัน

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน