พันธุ์แท้พระเครื่อง

ราม วัชรประดิษฐ์ www.arjanram.com

ชุดเบญจภาคีเครื่องรางของขลังองค์สุดท้าย คือ หนุมานหลวงพ่อสุ่น อันถือเป็นต้นตำนานการสร้าง “หนุมาน” ที่ทรงไว้ซึ่งความศักดิ์ สิทธิ์ มีอานุภาพคุ้มครองป้องกันภัย คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด และเมตตามหานิยม เป็นที่ปรากฏแก่ ผู้บูชา จนได้รับสมญา “ขุนกระบี่วานร ฤทธิเกริกไกร หนึ่งในสยาม” ถึงขนาดมีคำเปรยว่า “เขี้ยวเสือ ต้องยกให้ หลวงพ่อปาน ส่วน หนุมาน ก็ต้อง หลวงพ่อสุ่น” ซึ่งเป็นที่ใฝ่ฝันและแสวงหาอย่างสูงของบรรดานักนิยมสะสมเครื่องรางของขลัง แต่จะหาของแท้ได้ยากยิ่งนัก

หลวงพ่อสุ่น จันทโชติ หรือ พระอธิการสุ่น วัดศาลากุน เกาะเกร็ด จ.นนทบุรี เดิมชื่อ “สุ่น” เป็นชาวเกาะเกร็ดโดยกำเนิด แต่ไม่มีการบันทึกประวัติของท่านเก็บไว้ ดูจากปีที่มรณภาพและสิริอายุ ประมาณการว่าน่าจะเกิดในราวปี พ.ศ.2403-2404 เมื่ออุปสมบทได้ฉายา “จันทโชติ”

ย้อนไปเมื่อครั้งยังเป็นพระลูกวัด ปลูกต้นไม้ไว้ในบริเวณกุฏิ 2 ชนิด คือ “ต้นรักซ้อนและต้นพุดซ้อน” และหมั่นดูแลรดน้ำ โดยนำน้ำสะอาดมาทำเป็นน้ำมนต์เพื่อรดต้นไม้ทั้งสองทุกครั้งจนเจริญเติบโต กระทั่งเมื่อท่านได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาส จึงเข้าใจกระจ่างว่า เหตุใดท่านจึงให้ความสนใจดูแลต้นไม้ทั้งสองนี้เป็นพิเศษ เมื่อต้นไม้เจริญเติบโตได้ที่ ท่านจึงดูฤกษ์ยามทำพิธีพลีและสังเวยก่อนแล้วลงมือขุดด้วยตัวเอง

จากนั้นนำไปตากแดดจนแห้ง แล้วให้ช่างแกะเป็นรูปหนุมาน รวบรวมห่อด้วยผ้าขาวใส่บาตรเพื่อปลุกเสกในกุฏิ จนถึงวันเสาร์ซึ่งถือว่าเป็นวันแรง ท่านก็จะเข้าไปปลุกเสกในอุโบสถ โดยจะนั่งบริกรรมบนศาสตราวุธต่างๆ ที่นำมากองรวมกัน หนุมานจะกระโดดโลดเต้นอยู่ในบาตรจนท่านเห็นว่าขึ้นแล้ว จึงเก็บไว้แจกจ่ายบรรดาลูกศิษย์ลูกหาและผู้ถวายปัจจัยในการบูรณปฏิสังขรณ์วัด นอกจากหนุมานแกะที่ทำจากต้นรักซ้อนและต้นพุดซ้อนแล้ว ท่านยังแกะหนุมานจาก “งาช้าง” ด้วย แต่สร้างในรุ่นหลัง ไม่ค่อยได้พบเห็นกันนัก และสนนราคาค่อนข้างสูงมาก

หนุมานแกะหลวงพ่อสุ่น แบ่งได้เป็น 2 พิมพ์ คือ พิมพ์หน้าโขน และพิมพ์หน้ากระบี่ “พิมพ์หน้าโขน” นั้น เรียกกันว่า “หนุมานทรงเครื่อง” คือจะเก็บรายละเอียดต่างๆ จนครบ มีความสวยงามและแลดูเข้มขลังยิ่งนัก ส่วน “พิมพ์หน้ากระบี่” จะเป็นแบบเรียบง่าย ไม่ค่อยมีเครื่องเครา แต่ก็คงความเข้มขลังงดงามในอีกรูปแบบหนึ่ง โดยมีคาถากำกับหนุมาน เริ่มด้วยตั้งนะโม 3 จบ แล้วว่า “นะมัง เพลิง โมมัง ปากกระบอก ยะ มิให้ออก อุดธังโธอุด ธังอัด อะสังวิสุ โรปุสะพูพะ มะอะอุ โอมยะพุทธา ทะโยสตรี สตรี นิสังโห”

มีเรื่องเล่าว่า ในสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี พ.ศ.2475 โดย คณะราษฎร ซึ่งนำโดย พ.อ.พระยาพหลพลหยุหเสนา ท่านได้ไปหาหลวงพ่อสุ่น หลวงพ่อก็ให้ “หนุมานหน้าโขน” มาตัวหนึ่ง พร้อมบอกในเชิงว่า “ผ่านไปสักพักเรื่องเลวร้ายก็ผ่านไปด้วยดี” แล้วก็เป็นดังที่หลวงพ่อกล่าว กิตติศัพท์และชื่อเสียงของ “หนุมานหลวงพ่อสุ่น” จึงขจรไกลนับแต่นั้นมา

ณ ปัจจุบัน จะหาดูหาเช่า “หนุมานแกะหลวงพ่อสุ่น” นั้นยากยิ่งทุกเนื้อทุกพิมพ์ ด้วยผู้ที่มีไว้ต่างหวงแหน อีกทั้งสนนราคาสูงมาก นอกจากนี้ยังมีการทำเทียมเลียนแบบสูงอีกด้วย ดังนั้น จึงต้องใช้การพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ถ้าเป็น “เนื้อไม้” ให้นึกถึงสภาพไม้ที่ตากแห้งที่นำมาแกะ เมื่อผ่านกาลเวลาเนิ่นนาน เนื้อจะแห้งสนิทและมีน้ำหนักเบา ถ้าผ่านการสัมผัสจะฉ่ำมัน แต่ตามซอกยังคงแห้งอยู่ ส่วน “เนื้องา” ให้ดูความเก่าของงาเป็นสำคัญ จะออกเป็นสีเหลืองธรรมชาติ ถ้าผ่านการสัมผัสจะฉ่ำมัน สีดูใสและเข้มกว่าส่วนที่ไม่ผ่านการสัมผัส เวลาคนจะทำงาให้เก่าเขาจะเอาด่างทับทิมมาผสมน้ำแช่งาลงไป แล้วนำขึ้นมาขัดจะปรากฏคราบความเก่าขึ้นอย่างรวดเร็ว

ต้องสังเกตให้ดีให้เป็น จึงจะได้ของแท้ครับผม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน