เชิด ขันตี ณ พล
“หลวงปู่ทองคำ สุวโจ” เดิมจำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ที่สำนัก สงฆ์วังงูเหลือม ต.หอกลอง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก
ในปี 2561 ย้ายมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่อาศรมสุวโจ ตั้งอยู่ที่บ้านหนองเกราะ ต.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์
ปัจจุบัน อายุ 91 ปี พรรษา 37 เป็นพระที่ปฏิบัติดี มีเมตตาธรรมสูงถ่อมตน วัตรปฏิบัติเสมอต้นเสมอปลาย จึงเป็นพระเถระที่พุทธศาสนิกชนในพื้นที่ให้ความเลื่อมใสเคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก
เกิดเมื่อวันที่ 12 เม.ย.2472 ที่บ้านมะโม ต.หนองซอน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม
หลังจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนในหมู่บ้าน ออกมาช่วยงานครอบครัวทำไร่ทำนา ใช้ชีวิตเหมือนชาวอีสานตามชนบททั่วไป แต่ด้วยความที่เป็นผู้มีจิตใจเอนเอียงเข้าหาพระธรรม ชมชอบไปช่วยงานบุญที่วัดในหมู่บ้านอยู่เนืองๆ
อายุ 16 ปี บรรพชาที่วัดบ้านคำครั่ง อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
มุมานะศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย สนใจวิปัสสนากัมมัฏฐาน จึงเดินทางไปกราบสักการะขออยู่กับพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ที่วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
ขณะจำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์ฝั้น ศึกษาพระธรรมวินัย และยังได้รับการสั่งสอน วิปัสสนากัมมัฏฐาน
นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาสศึกษาอักขระยันต์ จากพระภิกษุชาวทิเบต ที่มาปฏิบัติธรรมอยู่กับพระอาจารย์ฝั้น
เคยออกร่วมธุดงควัตรกับคณะหลวงปู่ฝั้น ไปตามป่าเขาลำเนาไพรหลายครั้งทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งศึกษาปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงปู่ฝั้น นานถึง 9 ปี
อายุ 24 ปี ลาสิกขาออกไปช่วยครอบครัวทำมาหากิน จนเมื่อพ้นภาระรับผิดชอบทางครอบครัว ในปี 2523 จึงตัดสินใจหันหน้าเข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ เข้าพิธีอุปสมบท ที่อุโบสถวัดราชพิสัย บ้านหนองคู ต.หนองซอน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม
ออกธุดงค์ไปจำพรรษาอยู่ตามวัดป่าหลาย แห่งทั่วประเทศทั้งในภาคเหนือและภาคอีสาน ยังข้ามไป สปป.ลาว จำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดโนนไซ เมืองเฟือง สปป.ลาว รวม 3 พรรษา
นอกจากนี้ ยังได้เดินทางไปศึกษาวิทยาคมเพิ่มเติมจากหลวงปู่ทองมา ถาวโร จ.ร้อยเอ็ด และไปมาหาสู่กันตลอดเวลา จนกระทั่งหลวงปู่ทองมา มรณภาพ
เป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม วัตรปฏิบัติเสมอต้นเสมอปลาย ประมาณปี 2550 เดินทางมาโปรดญาติโยมที่ อ.พรหมพิราม จ.พิษณูโลก จนมีจิตเลื่อมใสศรัทธาในวัตรปฏิบัติ จึงนิมนต์ให้จำพรรษาอยู่ที่วัดในหมู่บ้าน แต่เนื่องจากชมชอบความสงบจึงได้จัดตั้งสำนักสงฆ์ขึ้นเอง โดยร่วมแรงร่วมใจกับพุทธศาสนิกชนในพื้นที่จนประสบผลสำเร็จ ซึ่งก็คือสำนักสงฆ์วังงูเหลือม ต.หอกลอง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ในปัจจุบัน
ตลอดเวลาที่หลวงปู่จำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ที่สำนักสงฆ์วังงูเหลือม ด้วยวัตรปฏิบัติที่ดีงามท่านจะเดินจงกรมและนั่งสมาธิทุกวัน ทำให้ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ในแต่ละวันจึงมีพุทธศาสนิกชนเข้ามากราบนมัสการรับฟังธรรมจากหลวงปู่ไม่ขาดสาย
รวมทั้งหลวงปู่ยังให้ความอนุเคราะห์รักษาอาการเจ็บป่วยให้ญาติโยมที่มาหา ด้วยยาสมุนไพร เนื่องจากท่านศึกษาวิชาสมุนไพร ช่วงที่จำพรรษาอยู่ สปป.ลาว จนมีความเชี่ยวชาญในระดับหนึ่ง
สำหรับหัวข้อธรรมที่หลวงปู่พร่ำสอนญาติโยมมาโดยตลอดเพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต คือ การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท และให้ยึดศีล 5 ไว้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต
หลวงปู่ทองคำ ถึงแม้จะอยู่ในช่วงปัจฉิมวัย แต่สุขภาพของท่านยังแข็งแรงจึงรับกิจนิมนต์โดยตลอด รวมทั้งหากเมื่อญาติโยมมีทุกข์มาหาท่านก็ปัดเป่าให้ด้วยความเมตตา
ถือเป็นเพชรเม็ดงามอีกรูปของวงการสงฆ์ภาคอีสาน