สุรชัย พิรักษา – เรืองรุจ วังแจ่ม – เรื่อง/ภาพ

เรื่องราวเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนเป็นเหตุเป็นผลสอดคล้องรับกัน ทุกอย่างสอดรับน่าเชื่อถือ แต่อะไรที่เป็นเรื่องที่ปั้นแต่งขึ้นมา ก็มักมีข้อพิรุธให้เป็นที่สงสัย

เช่นเหตุการณ์การเสียชีวิตของน.ส.เต็ม ไชยโย อายุ 36 ปี ที่ทางญาติเตรียมจะนำศพประกอบพิธีฌาปนกิจอยู่รอมร่อ หากไม่มีผู้ตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติของบาดแผลที่พบบนตัว ซึ่งไม่น่าจะเกิดหากเป็นการจมน้ำตาย จนนำมาสู่การคลี่คลายคดีฆาตกรรมอำพรางสยอง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์

ย้อนไปเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายสมศักดิ์ ชุมสาย อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 บ้านชุมแสงใหม่ ต.ดงพลอง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ว่าพบศพ น.ส.เต็ม ไชยโย อายุ 36 ปี ลูกบ้าน จมน้ำเสียชีวิตในหนองน้ำสาธารณะท้ายหมู่บ้าน เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา

แต่พบว่าศพมีบาดแผลคิ้วซ้ายแตกเป็นแผลฉกรรจ์ บริเวณท้ายทอยมีบาดแผลถูกกระแทกด้วยของแข็งมีเลือดไหลออกตลอดเวลา และบริเวณลำคอมีรอยฟกซ้ำ คล้ายโดนบีบ จึงอยากให้มีการสอบสวนถึงสาเหตุการเสียชีวิต

นายสมศักดิ์เปิดเผยว่า น.ส.เต็ม อาศัยอยู่กับแม่สามี อายุ 93 ปี ซึ่งสายตาพิการมองไม่เห็น และลูกสาวอายุ 14 ปี ส่วนสามีเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ก่อนพบศพน.ส.เต็ม นำควาย 4 ตัวไปเลี้ยงที่หนองน้ำท้ายหมู่บ้านตามปกติ จนกระทั่งช่วงค่ำควายทั้ง 4 ตัวเดินกลับคอกเอง แต่ไม่พบผู้ตาย จนนางกลมได้ไปขอร้องให้เพื่อนบ้านช่วยออกตามหาลูกสะใภ้จนกระทั่งพบศพลอยอยู่ในสระน้ำ

“ผมมองจากบาดแผลแล้วน่าจะเกิดจากการฆาตกรรม เนื่องจากหนองน้ำสาธารณะมักจะมีกลุ่มวัยรุ่นมามั่วสุมกันอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงเย็น ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก จนไม่กล้าไปไหนมาไหนคนเดียว เลยอยากให้ เจ้าหน้าที่เร่งคลี่คลายสาเหตุการเสียชีวิตโดยเร็ว ประกอบกับครอบครัวผู้เสียชีวิตมีฐานะยากจน ซึ่งจะต้องฌาปนกิจในที่ 8 ส.ค. ทั้งที่ญาติๆ และชาวบ้านยังติดใจการเสียชีวิต แต่ไม่มีปัญญานำศพไปส่งผ่าพิสูจน์เอง” นายสมศักดิ์กล่าว

ภายหลังเป็นข่าวขณะที่ครอบครัวและชาวบ้านเตรียมนำศพ น.ส.เต็ม ไปประกอบพิธีฌาปนกิจที่วัดตามกำหนด พ.ต.อ.โรมรัน จินดานุภาพ ผกก.สภ. แคนดง พร้อม ร.ต.อ.สุพจน์ เทาขุนทด รองสารวัตรสอบสวน เดินทางมาขออายัดศพ นำไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลจังหวัดสุรินทร์ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง คาดว่าผลตรวจพิสูจน์จะแล้วเสร็จไม่เกิน 3 วัน

แม้จะต้องเลื่อนพิธีออกไป แต่ก็สร้างความพอใจให้กับ นายพอง ไชยโย อายุ 67 ปี นางเผิ่ง ไชยโย อายุ 65 ปี รวมทั้งนายบุญชู ไชยโย อายุ 39 ปี พ่อ-แม่และพี่ชายของผู้ตาย โดยนายบุญชูเปิดเผยว่า เดิมครอบครัวอยู่ จ.สุรินทร์ แต่หลังจากน้องสาวมีครอบครัวก็ย้ายมาอยู่กับสามีที่ อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์

พอสามีเสียชีวิตก็ทำหน้าที่เลี้ยงดูลูกสาว อายุ 14 ปี และแม่สามี อายุ 93 ปี ที่ตามองไม่เห็น เมื่อตนรู้ข่าวก็ตกใจรีบพาพ่อ-แม่เดินทางมาดูศพน้อง แต่พอมาเห็นมีร่องรอยบาดแผลหลายแห่ง ทั้งใบหน้า ศีรษะ และลำคอ คล้ายกับถูกทำร้าย จึงไม่เชื่อว่าเป็นการจมน้ำเสียชีวิต น่าจะเป็นการฆาตกรรมมากกว่า

ขณะที่ตำรวจกองปราบปราม ก็ได้รับคำสั่งให้นำกำลังมาร่วมคลี่คลายคดี พร้อมกับทีมสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตถูกทำร้าย และพุ่งเป้าว่าเป็นคนใกล้ชิดเป็นคนก่อเหตุ

ล่าสุดตำรวจ สภ.แคนดง นำตัวนายสุพรรณ นวลวรรณ์ อายุ 50 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าเขยของสามีน.ส.เต็ม มาสอบสวน เนื่องจากตอนแรกเจ้าตัวให้การว่าเป็นคนพบเห็นผู้ตายนำควายไปกินน้ำที่สระ และเป็นผู้พบเห็นผู้ตายเป็นคนสุดท้าย

ตํารวจพบพิรุธในคำให้การหลายอย่าง ประกอบกับพบเสื้อผ้าเปื้อนเลือดที่บ้านของนายสุพรรณ จึงเค้นสอบอย่างหนัก ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงสารภาพว่า เป็นคนลงมือฆ่าน.ส.เต็ม ด้วยตัวเอง เหตุเพราะไม่ถูกกันมานาน

นายสุพรรณให้การว่า ในวันเกิดเหตุตนออกไปเลี้ยงควายตามปกติ ระหว่างนั้นได้เจอผู้ตายบริเวณใกล้กับสระน้ำสาธารณะ ด้วยความที่ไม่ถูกกันอยู่ก่อนแล้ว จึงเกิดการโต้เถียงกันรุนแรง ตนบันดาลโทสะ ใช้ไม้หลักผูกเชือกควาย ตีเข้าไปท้ายทอย 1 ที บริเวณหน้าผากอีก 1 ที

จากนั้นได้ต่อสู้กันบริเวณบันไดปูนของสระน้ำ ก่อนที่ตนจะบีบคอจนผู้ตายแน่นิ่ง แล้วดันร่างผู้ตายให้จมลงสระน้ำเพื่ออำพรางคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้นายสุพรรณเคยเล่าเหตุการณ์ระหว่างไปร่วมงานศพว่า เห็นผู้ตายจูงควายลงไปกินน้ำในสระน้ำ แล้วก็หายตัวไปกับควาย แต่ไม่สนใจจึงต้อนควายของตัวเองกลับบ้าน โดยไม่สนใจผู้ตายว่าจะเป็นอย่างไร

ล่าสุดวันที่ 9 ส.ค. ขณะที่ประกอบพิธีฌาปนกิจ นายสมศักดิ์ผู้ใหญ่บ้านก็ได้ประกาศกลางงานศพ ว่าใครที่เป็นผู้ก่อเหตุ ทันทีที่ผู้ใหญ่บ้านประกาศชื่อนายสุพรรณ ก็สร้างความตกใจให้กับญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านที่มาร่วมงานเป็นอย่างมาก

ญาติของทั้งสองฝ่ายต่างก็ร้องไห้โฮ ทั้งดีใจที่สามารถจับกุมตัวได้ ขณะเดียวกันก็เสียใจที่ผู้ก่อเหตุเป็นญาติพี่น้องของสามีผู้ตายเอง ซึ่งไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในหมู่บ้าน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน