พระเทพวินยาภรณ์ (สมปอง ปัญญาทีโป) เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช และรองเจ้าคณะภาค 16-17-18 (ธ) เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกรูป ได้รับการยกย่องว่าเคร่งครัดระเบียบวินัย มีวัตรปฏิบัติเรียบง่าย ปฏิปทางดงามเป็นที่เลื่อมใสศรัทธา

ปัจจุบัน สิริอายุ 69 ปี พรรษา 48

มีนามเดิมว่า สมปอง ศรีสงคราม เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 ก.ย.2492 แรม 15 ค่ำ เดือน 10 ที่บ้านเลขที่ 39 ม.1 ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

ในช่วงวัยเยาว์ เข้าศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดหญ้า ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นได้ลาออกมาช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพ

แต่ด้วยฐานะที่ยังไม่ถึงขั้นลำบาก ทำให้พอถึงช่วงวัยหนุ่ม นายสมปอง จึงมีความคึกคะนอง เกเรเกกมะเหรก เป็นนักเลงหัวไม้ ครั้งหนึ่งมีพระภิกษุธุดงค์ผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน และได้พัฒนาวัดร้างแห่งหนึ่งให้กลายเป็นสำนักสงฆ์ที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา

ด้วยอุปนิสัยที่ค่อนข้างเกเรก้าวร้าว พระภิกษุธุดงค์รูปดังกล่าวพบเจอและตักเตือน ให้กลับเนื้อกลับตัว ทำให้ บิดา-มารดา ขอร้องแกมบังคับให้บวชเณร

เมื่ออายุ 16 ปี บรรพชา วันที่ 8 ก.ค.2508 วัดมะม่วงปลายแขน ต.ท่างิ้ว อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยมี พระภัทรธรรมธาดา (ฮั้ว โสภิโต) เป็นพระอุปัชฌาย์

แม้จะมิได้มีความเต็มใจในการออกบวชเท่าใดนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง สามเณรสมปอง มีโอกาสศึกษาเรียนรู้ใน หลักธรรม เกิดความศรัทธาอย่างแรงกล้าในพระพุทธศาสนา คราแรกตั้งใจบวชเพียงระยะสั้นๆ แต่เมื่อค้นพบสัจธรรมแห่งวิถีพุทธศาสนา ทำให้ท่านมิยอมลาสึกแต่อย่างใด

ต่อมาไปเรียนพระปริยัติธรรมที่สำนักเรียนวัดธรรมบูชา จ.สุราษฎร์ธานี

พ.ศ.2512 สามารถสอบได้เปรียญธรรม 1-2 ประโยค และสามารถสอบได้นักธรรมตรี-โท-เอก ตามลำดับ

ครั้นเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2513 ที่วัดศรีทวี ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีพระภัทรธรรมธาดา เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครู สุรัตวิหารการ วัดท่าแพ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูปภัสสรเมธาภรณ์ วัดมะม่วงปลายแขน เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้รับฉายา ปัญญาทีโป มีความหมายว่า ผู้มีปัญญาเป็นแสงสว่าง

หลังอุปสมบท เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ เข้าพำนักอยู่จำพรรษาที่วัดราชผาติการาม เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมด้วยความมุ่งมั่น

พ.ศ.2519 สอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค

พ.ศ.2522 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ศาสนศาสตรบัณฑิต สาขาศาสนาและปรัชญา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

จากนั้น พ.ศ.2526 เดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยฮินดูบาณารัส เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย และสำเร็จการศึกษาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต ศาสนปรัชญา ในปี พ.ศ.2528

เมื่อเดินทางกลับสู่ประเทศไทย ได้กลับมาอยู่ที่วัดราชผาติการาม ช่วยเหลืองานด้านการศึกษาสงฆ์ภายในวัด และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

กระทั่งพระธรรมรัตโนภาส เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ได้ติดต่อขอให้มาช่วยงานที่วัดพระมหาธาตุฯ ซึ่งท่านได้ตอบรับและจะได้มีโอกาสกลับไปพัฒนาบ้านเกิด

ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการโรงเรียนพระบรมธาตุพิทักษ์วิทยา ซึ่งเป็นร.ร.พระปริยัติธรรม แผนกสามัญ ต่อมา พ.ศ.2540 ได้รับแต่งตั้งเป็นรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีธรรมาโศกราช

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2530 เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร พ.ศ.2540 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2542 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช (ธรรมยุต)

พ.ศ.2543 เป็นเจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2530 ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ ที่ พระครูประทีปปัญญาคุณ พ.ศ.2539 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระสุทธิสารสุธี

พ.ศ.2544 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชธรรมสุธี

พ.ศ.2550 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพวินยาภรณ์

แม้ทุกวันนี้ท่านจะดำรงตำแหน่งพระสังฆาธิการชั้นผู้ใหญ่ แต่วัตรปฏิบัติยังคงเรียบง่ายดุจเดิม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน