อริยะโลกที่6

เชิด ขันตี ณ พล

“พระราชสารธรรมมุนี” หรือ “หลวงปู่บัวพันธ์ ปัญญาวโร” ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม และเจ้าอาวาสวัดขวัญเมืองระบือธรรม (วัดป่า) อ.บรบือ จ.มหาสารคาม พระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่พุทธ ศาสนิกชนในพื้นที่ให้ความเลื่อมใสศรัทธามาอย่างยาวนาน

อัตโนประวัติ มีนามเดิม บัวพันธ์ อินทร์นอก เกิดเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2475 ที่บ้านดอนงัว อ.บรบือ จ.มหาสารคาม บิดา-มารดา ชื่อนายสิงห์และนางหล่า อินทร์นอก

ภายหลังเรียนจบการศึกษาชั้น ป.4 จากโรงเรียนในหมู่บ้าน ออกมาช่วยครอบครัวทำมาหากินทำไร่ทำนาตามวิถีชีวิตของคนอีสานตามชนบทอยู่นานหลายปี แต่ด้วยความที่เป็นคนใฝ่เรียนใฝ่รู้ เมื่ออายุ 16 ปี เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดบ้านหนองขาม ต.กำพี้ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม

อายุ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดบ้านดอนงัว ต.กำพี้ อ.บรบือ โดยมีหลวงพ่อพรมมี เจ้าอาวาสวัดบ้านหนองขาม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์อ้วน เป็นพระกรรม วาจาจารย์ และพระอาจารย์บุญมา เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ด้วยความมุ่งมั่นศึกษาพระธรรมวินัย เดินทางไปศึกษาที่สำนักเรียนวัดเวฬุวันไผ่ใหญ่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท และเอก ตามลำดับ

ในปี 2497 เดินทางไปศึกษาต่อที่สำนักเรียนวัดธาตุ (พระอารามหลวง) จ.ขอนแก่น สอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค และสอบได้มัธยมศึกษาตอนปลาย ก่อนเดินทางกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านดอนงัว

ลำดับงานปกครอง พ.ศ.2504 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดดอนงัว พ.ศ.2506 เป็นเจ้าคณะตำบลกำพี้ พ.ศ.2510 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2512 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบรบือวราราม อ.บรบือ จ.มหาสารคาม

พ.ศ.2543 ได้รับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม

ต่อมาท่านย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดขวัญเมืองระบือธรรม (วัดป่า)

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2515 ได้รับพระราช ทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ในราชทินนามที่พระครูปทุมวรกิจ พ.ศ.2519 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ พ.ศ.2545 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระญาณนายก

พ.ศ.2552 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณ ศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชสารธรรมมุนี

ตลอดเวลาที่หลวงปู่บัวพันธ์ ปฏิบัติงานด้านปกครองคณะสงฆ์ ยึดหลักเมตตาธรรม เป็นที่ตั้ง และปฏิบัติศาสนกิจตามหลักพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด วัตรปฏิบัติของท่านเสมอต้นเสมอปลาย คือ การปฏิบัติกัมมัฏฐาน จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระวิปัสสนาจารย์ของกรมการศาสนา

นอกจากนี้ หลวงปู่ยังให้การสนับสนุนการศึกษาพระภิกษุ-สามเณร ท่านเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งโรงเรียนปริยัติธรรมขึ้นที่วัดขวัญเมืองระบือธรรม เป็นสำนักเรียนใหญ่อีกแห่งหนึ่งของอำเภอบรบือ

หลวงปู่บัวพันธ์ ยังให้ความสนใจด้านวิทยา คม ท่านเคยไปศึกษาวิทยาคมจากพระเกจิ อาจารย์ชื่อดังของภาคอีสานหลายรูป อาทิ หลวงปู่ทองมา ถาวโร วัดสว่างท่าสี จ.ร้อย เอ็ด, หลวงปู่บุญศรี ยโสธโร วัดดงเค็ง จ.มหาสารคาม เป็นต้น

ด้วยวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเสมอต้นเสมอปลายทำให้ท่านมีชื่อเสียงอยู่ในศรัทธาของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่อย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันจะมีญาติโยมเดินทางมากราบนมัสการรับฟังธรรมและประพรมน้ำพุทธมนต์ที่เข้มขลังอย่างล้นหลาม

พระราชสารธรรมมุนี ชมชอบความสงบ อนุรักษ์ธรรมชาติป่าไม้ ทุกปีภายในวัดขวัญเมืองระบือธรรม ซึ่งเป็นวัดป่าที่มีต้นไม้นานาพันธุ์ขึ้นอยู่หนาแน่น ท่านจะนำพาพระภิกษุ-สามเณรและญาติโยม ร่วมกันปลูกไม้ยืนต้น ไม้ประดับซ่อมเสริม ส่งผลให้บรรยากาศภายในวัดแห่งนี้มีแต่ความสงบวิเวกเหมาะสำหรับการปฏิบัติกิจของสงฆ์เป็นอย่างยิ่ง

สำหรับหลักธรรมคำสอนที่ท่านพร่ำสอนญาติโยมมาตลอด เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต คือ การให้รักษาศีล 5 หากปฏิบัติตามได้จะทำให้ชีวิตของตนเองและครอบครัวพานพบแต่ความสงบสุข

หลังจากที่พระราชสารธรรมมุนี ตราก ตรำอุทิศตนรับใช้พระพุทธศาสนาอย่างยาวนาน ด้วยความไม่เที่ยงของสังขาร ท่านเจ็บป่วยบ่อยครั้ง สุดท้ายละสังขารไปด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2559 สิริอายุ 84 ปีพรรษา 64

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน