อริยะโลกที่ 6 : พระราชรัตนมงคล ผช.เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ
“พระราชรัตนมงคล” รับภารธุระสนองงานคณะสงฆ์ในหลายด้าน ได้เคยสนองงานในเจ้าพระคุณ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวัฑฒโน) ทั้งในส่วนพระอารามและส่วนพระองค์ จนเป็นที่พอพระทัยและทรงไว้วางพระทัย
นอกจากนี้ ยังเป็นประธานจัดการศึกษาวัดเวฬุวัน อ.ศรีวิไล จ.หนองคาย เป็นกำลังสำคัญยิ่งของพระพุทธศาสนา ท่านได้เป็นผู้นำในการก่อสร้างบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะสงฆ์วัดเวฬุวัน ได้จัดการเรียนการสอนหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
จัดการศึกษาซึ่งอำนวยประโยชน์แก่บุคคลทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีฐานะยากจน ในเขตพื้นที่จังหวัดหนองคาย และจังหวัดใกล้เคียง ทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
ปัจจุบัน พระราชรัตนมงคล (มนตรี อภิมันติโก) อายุ 58 ปี พรรษา 38 ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร พระอารามหลวง
เกิดเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2503 ที่เรือนข้างวัดโพธิ์ชัย เลขที่ 86 หมู่ที่ 6 หมู่บ้านห้วยยาง ต.เหล่าโพนค้อ อ.เมือง จ.สกลนคร
ในเยาว์วัยเมื่อเรียนจบการศึกษาภาคบังคับแล้ว ญาตินำไปฝากกับหลวงปู่โก้ กตปุญโญ ณ วัดป่าวิไลพร (ธรรมยุต) บ้านศรีวิไล ต.ชุมภูพร อ.บึงกาฬ (ปัจจุบันเป็น อ.ศรีวิไล) จ.หนองคาย
หลวงปู่โก้ได้มีเมตตารับไว้และให้ปลงผมนุ่งห่มผ้าขาวรักษาศีลแปดรับใช้พระเณรก่อน โดยท่านเล่าว่า “การเข้ามาอยู่วัดนั้นเป็นสิ่งแปลกใหม่พอสมควรในชีวิต เพราะเรียนรู้ถึงกิริยามารยาทในสังคม และการได้ฟังเทศน์ฟังธรรม รู้จักการทำวัตรสวดมนต์ เพราะวัดเป็นสายปฏิบัติมีผู้เข้าวัดรักษาอุโบสถศีลและปฏิบัติธรรมจำนวนมาก รู้สึกว่าชีวิตอยู่ในวัดมีความเป็นอิสระมากขึ้นกว่าเมื่ออยู่ในเรือน มีความสุขใจมากขึ้น อาจเป็นเพราะได้รับฟังหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่สอนให้ปล่อยวางจากความยึดมั่นถือมั่นทั้งหลาย ปฏิบัติตนให้ถึงความหลุดพ้นจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองแห่งจิตใจ”
ระหว่างที่อยู่ในวัดป่าวิไลพร ได้เดินทางไปนมัสการพระอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม ณ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม นมัสการพระภิกษุฝ่ายอรัญวาสี สายพระอาจารย์ใหญ่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลายรูป
จากนั้น บรรพชาที่วัดกุดเรือคำ ต.คูสะคาม อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร โดยมีพระครูพิพิธธรรมสุนทร เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นไปอยู่ที่วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) และตามพระอาจารย์ธุดงค์ไปตามป่าเขา
ต่อมา มีโอกาสมาศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมในกรุงเทพฯ อาศัยอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร เข้าพิธีอุปสมบท ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวัฑฒโน) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระปัญญาภิมณฑ์มุนี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระวัชรธรรมาภรณ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา อภิมันติโก
ศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม สอบได้นักธรรมชั้นเอก พ.ศ.2543 จบปริญญาตรี (ร.บ.) ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการเมืองการปกครอง เปรียบเทียบมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
งานด้านการปกครองสงฆ์ พ.ศ.2536 ได้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร พ.ศ.2544 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสันติคีรีญาณสังวราราม อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
สำหรับผลงานด้านการช่วยเหลือสาธารณประโยชน์ พ.ศ.2535 ได้เริ่มสร้างอาคารเรียน กุฏิ ศาลาการเปรียญ จัดตั้งสำนักเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม–บาลี และแผนกสามัญศึกษา ม.1-6 และ การศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ณ วัดเวฬุวัน จ.หนองคาย เป็นเงินค่าใช้จ่าย เพื่อการนี้ประมาณ 75 ล้านบาท
ประสานงานดำเนินการก่อสร้างวัดพุทธเบญจพล บูรณะพระพุทธไสยาสน์ ยาว 31 เมตร ณ ถ้ำผาเก บ้านห้วยยาง ต.เหล่าโพนค้อ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร พ.ศ.2539 จัดตั้งสำนักเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม–บาลี และแผนกสามัญศึกษา ม.1-3 ณ วัดสามัคคีธรรม พ.ศ.2540 ประสานงานการบูรณะพระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินาสถิต มหาสันติคีรี ณ วัดสันติคีรีญาณสังวราราม อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2535 เป็นพระครูฐานานุกรมชั้นเอกของสมเด็จพระสังฆราชที่ พระครูพิศาลวินัยวาท พ.ศ.2544 เป็นพระราชาคณะปลัดขวาที่ พระมหานายก
พ.ศ.2546 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชรัตนมงคล
เป็นพระเถระอีกรูปหนึ่งที่ได้รับการยกย่อง