สงฆ์เฮผ่านสนช.-3วาระรวด พ.ร.บ.ศึกษาพระปริยัติธรรม
สงฆ์เฮผ่านสนช.-3วาระรวด พ.ร.บ.ศึกษาพระปริยัติธรรม – การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นพิเศษ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2562 ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม ที่คณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว
โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบวาระ 3 ให้ประกาศใช้เป็นกฎหมาย ด้วยคะแนน 152 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี และงดออกเสียง 6 เสียง
ถือเป็นความก้าวหน้าการปฏิรูปของคณะสงฆ์ด้านหนึ่ง ที่มหาเถรสมาคมเห็นชอบให้มีการปฏิรูป เพื่อให้การศึกษาและส่งเสริมวิชาการทางพระพุทธศาสนาให้เป็นไปโดยสอดคล้องกับโบราณราชประเพณีและมาตรฐานการจัดการศึกษาของชาติ
รวมทั้งเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาความรู้ของคนในชาติ ให้มีการนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต
ทั้งนี้ พระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม จำนวน 31 มาตรา มีสาระสำคัญ อาทิ
มาตรา 5 การศึกษาพระปริยัติธรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การศึกษาและส่งเสริมวิชาการทางพระพุทธศาสนาให้เป็นไปโดยสอดคล้องกับโบราณราชประเพณีและมาตรฐานการจัดการศึกษาของชาติ
เพื่อการสืบทอดความรู้ทางพระพุทธศาสนา สร้างบุคลากร ให้บริการทางวิชาการแก่สังคมและท้องถิ่น เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาความรู้ของคนในชาติให้มีการนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต
มาตรา 6 การศึกษาพระปริยัติธรรมมีสามแผนก ดังต่อไปนี้
(1) การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลีสนามหลวง เป็นการศึกษาพระพุทธศาสนาภาคภาษาบาลี
(2) การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรมสนามหลวง เป็นการศึกษาพระพุทธศาสนาภาคภาษาไทย
(3) การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา เป็นการศึกษาพระพุทธศาสนาทั้งแผนกบาลีสนามหลวงและแผนกธรรมสนามหลวง ควบคู่กับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ
มาตรา 9 ให้มีคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรมคณะหนึ่ง ประกอบด้วย
(1) ประธานกรรมการรูปหนึ่ง ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม
(2) รัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการ
(3) กรรมการโดยตำแหน่งจำนวนสิบเอ็ดรูปหรือคน ได้แก่ แม่กองบาลีสนามหลวง แม่กองธรรมสนามหลวง ประธานกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
(4) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนหกรูปหรือคน ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้ผู้อำนวยการ กองพุทธศาสนศึกษา เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
มาตรา 22 การศึกษาพระปริยัติธรรมที่ได้จัดให้แก่สามเณรซึ่งเป็นเด็ก ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาคบังคับและมีพื้นความรู้ไม่ต่ำกว่าระดับประถมศึกษาปีที่หกหรือเทียบเท่า ซึ่งได้ศึกษาวิชาสามัญเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด โดยคำแนะนำของมหาเถรสมาคมเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังต่อไปนี้
(1) แผนกธรรมสนามหลวง ชั้นนักธรรมเอก เป็นการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
(2) แผนกบาลีสนามหลวง ชั้นเปรียญธรรม 3 ประโยค เป็นการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
(3) แผนกสามัญศึกษา เป็นการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
มาตรา 23 ให้ผู้เรียนที่พ้นการศึกษาภาคบังคับแล้วซึ่งได้สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรมสนามหลวง และแผนกบาลีสนามหลวง มีวิทยฐานะดังต่อไปนี้
(1) แผนกธรรมสนามหลวง ชั้นนักธรรมเอก มีวิทยฐานะระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
(2) แผนกบาลีสนามหลวง ชั้นเปรียญธรรม 3 ประโยค มีวิทยฐานะระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
มาตรา 24 ให้ผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรพระปริยัติธรรม แผนกธรรมและแผนกบาลีสนามหลวง ชั้นเปรียญธรรมเก้าประโยค มีวิทยฐานะระดับปริญญาตรี เรียกว่า “เปรียญธรรมเก้าประโยค” ใช้อักษรย่อว่า “ป.ธ.9”
ในกรณีที่ผู้สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลีสนามหลวงชั้นใดที่ได้ศึกษาเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด ให้ผู้นั้นมีวิทยฐานะระดับใดๆ โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมและตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการการอุดมศึกษา
มาตรา 28 ให้ผู้มีวิทยฐานะชั้นปริญญาตรีตามพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการพระพุทธศาสนา พ.ศ.2527 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการพระพุทธศาสนา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2540 มีวิทยฐานะระดับปริญญาตรี ตามมาตรา 24 วรรคหนึ่ง
ให้ผู้ที่อยู่ในระหว่างการศึกษาหลักสูตรพระปริยัติธรรม แผนกธรรมและแผนกบาลีสนามหลวง หากได้ศึกษาจนสำเร็จในระดับชั้นเปรียญธรรมเก้าประโยค มีวิทยฐานะระดับปริญญาตรี เรียกว่า “เปรียญธรรมเก้าประโยค” ใช้อักษรย่อว่า “ป.ธ.9” ตามมาตรา 24 วรรคหนึ่ง
พระราชวรมุนี (พล อาภากโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยาราม ในฐานะกรรมการยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม กล่าวว่า พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อยู่ในแนวทางการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา และเมื่อ สนช.ให้ความเห็นชอบ พ.ร.บ.ดังกล่าว เชื่อว่าสร้างความยินดีให้แก่คณะสงฆ์ทั่วประเทศแน่นอน เพราะถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ด้านการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยและจะทำให้การบริการการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์ทั้งแผนกธรรม-บาลี และแผนกสามัญศึกษา เป็นระบบมั่นคง โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากทางรัฐบาล ที่สำคัญจะทำให้พระภิกษุสามเณรได้รับการศึกษาที่ครบถ้วนสมบูรณ์
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-
สนช.ผ่าน พ.ร.บ.สงฆ์ 3 วาระรวด พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งอำนาจแต่งตั้งกก.มหาเถรสมาคม
-
‘สามารถ’อัด’สนช.’แก้ พ.ร.บ.สงฆ์ กระทบความรู้สึก ระวัง เสียหายเกินจะรับผิดชอบไหว
-
พระสงฆ์ 6 รูป เดินเท้าจากพัทลุง ไปปฏิบัติธรรมที่อินเดีย เผยไม่ขอรับปัจจัย