คอลัมน์ ข่าวสดพระเครื่อง

พระครูอมรสังวรกิจ (พระครูบารุต ญาณสํวโร) อายุได้ 13 ปี ด้วยความที่อยากเป็นสามเณรตั้งแต่เล็กๆ ความฝันนั้นก็เป็นจริง พอจบชั้นป.6 ตัดสินใจไปที่วัดเพื่อขออนุญาตบวชเป็นสามเณร แล้วในที่สุด ความฝันก็เป็นจริง และได้บรรพชาเป็นสามเณร ในวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2533 ที่วัดกลางเวียง อ.เวียงชัย จ.เชียงราย

โดยมี พระอุดมปัญญาภรณ์ หรือปัจจุบันคือหลวงพ่อพระธรรมราชานุวัตร เจ้าคณะภาค 6 เจ้าอาวาสวัดพระแก้ว (พระอารามหลวง) จ.เชียงราย เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบรรพชาเสร็จก็จำพรรษาที่วัดราษฏร์เจริญ ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย โดยฝากตัวเป็นลูกศิษย์พระครูสุวรรณถิรคุณ (ครูบาคำปัน ถิรญาโน) ท่านก็เมตตาสอนอักขระล้านนาโบราณ จนสามารถเรียนรู้ได้คล่องแคล่วอ่านออกเขียนได้ และเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาพวกวิชาอาคมต่างๆ และเรียนกรรมฐานฝึกนั่งสมาธิควบคู่กันไป

จนถึง พ.ศ.2535 ได้กราบลาครูบาอาจารย์เพื่อมาศึกษาต่อที่วัดสันมะเหม้า ตำบลม่วงคำ อำเภอพาน จังหวัดเชียงรายโดยได้ฝากตัวเป็นศิษย์พระครูอินทวรรณวิวัฒน์ (ครูบาจันทร์ตา สุวณฺโณ) ถือว่าเป็นพระมหาเถระที่มีอายุพรรษามากรูปหนึ่ง ท่านก็เมตตารับไว้เป็นศิษย์ และได้ศึกษาศิลปวิทยาต่างๆ จากท่านด้วยความเมตตา และได้เรียนหนังสือควบคู่กันไป ทั้งทางโลกและทางธรรม จนเรียนจบนักธรรมชั้นเอก และมัธยมศึกษาปีที่ 6 พออายุ 21 ปี

อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 โดยมี พระครูชยาภิวัฒนคุณ เจ้าคณะอำเภอพาน เจ้าอาวาสวัดป่าซาง เป็นพระอุปัชฌาย์ โดยได้ฉายาว่า “ญาณสํวโรภิกขุ” ก่อนวันอุปสมบทหนึ่งคืน คือวันที่ 5 พฤษภาคม ได้มีนิมิตฝันเห็น เทวดาท่านหนึ่ง ใส่ชุดเต็มยศสีขาว ระยิบระยับ มีหมวกแหลมๆ ท่านเหาะจากบนฟ้าลงมา ตรงเจดีย์ในวัด อยู่เบื้องหน้าสามเณรวิรุต ในความฝันนั้น เทวดาได้อุ้มพระพุทธรูปมามอบให้ นำมามอบให้ท่าน พร้อมบอกว่า ฝากไว้ด้วย พอตื่นขึ้นเกิดปีติอย่างแรงกล้า ตื่นเช้าขึ้นมาได้ไปไหว้หน้าเจดีย์ พร้อมดอกไม้ ไปอธิษฐานว่า วันนี้ผมจะอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ขอสัจจะอธิษฐานว่า ข้าพเจ้าจะขอมอบกาย มอบใจ ถวายให้พระพุทธศาสนา”

ปีพ.ศ. 2544 พรรษาที่ 4 เกิดความเบื่อหน่ายในทุกอย่าง ทั้งผู้คน ทั้งเรื่องราวต่างๆ และด้วยความที่ชอบปฏิบัติกรรมฐานและอ่านหนังสือประวัติครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น เกี่ยวกับการธุดงค์ ตัดสินใจไปกราบลาหลวงพ่อเจ้าอาวาสว่า ผมจะออกธุดงค์ ไปแม่ฮ่องสอน และได้ไปจำพรรษาอยู่บ้านห้วยปูลิง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน อยู่เพียงรูปเดียวเพียงลำพังในป่า

ไปวันแรกเข้าใจเลยว่า ชีวิตเรายังมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะมาก การที่เราเคยอยู่ในสังคมเมือง แต่เมื่อมาอยู่ในป่าห่างไกลความเจริญ ไฟฟ้าไม่มี น้ำประปาไม่มี ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็น พี่น้องกะเหรี่ยงเผ่าปกาเกอะญอ ก็ต้องปรับตัวเองให้อยู่กับความสงบ กิจวัตรแต่ละวันก็อยู่กับการปฏิบัติกรรมฐาน คิดอยู่ในใจว่า เรามาเพื่อศึกษาเรียนรู้ชีวิตตัวเอง และจะทำให้ดีที่สุด คืนสองคืนแรก ไม่รู้ว่าจะเป็นอุปทานไปหรือไม่ทราบ มีนิมิตพวกอมนุษย์ทั้งหลายมาหาทุกวัน เวียนกันมาอยู่อย่างนั้น ผู้หญิงบ้าง ผู้ชายบ้าง เราก็นั่งสมาธิแผ่เมตตาทุกวันๆ จนในที่สุด ไม่ปรากฏอีก

พอครบกำหนด 1 ปีกลับ มาอยู่จำพรรษาที่วัดสันมะเหม้า ในปีพ.ศ.2545 แต่ก็ไม่ได้เลิกละ กิจวัตรที่เคยปฏิบัติมา เคยคิดตั้งแต่พรรษาแรกๆ ว่า มีโอกาสจะทำวัดให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นที่ฝึกกรรมฐาน จนในที่สุดความฝันก็เริ่มเป็นรูปร่าง เมื่อปีพ.ศ.2557 ได้เริ่มบุกเบิกทำพื้นที่ว่างเปล่าให้กลายเป็นสถานที่ร่มรื่นใจ ปลูกต้นไม้ และปัจจุบันนี้ก็อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ทั้งสร้างกุฏิกรรมฐาน ทำลานธรรม และทำพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม ขนาดหน้าตัก 4 เมตร เพื่อเป็นพระประธานลานธรรม สำหรับผู้ปฏิบัติมาร่วมสวดมนต์ เจริญจิตภาวนาในอนาคต

ปัจจุบันนี้การดำเนินการก่อสร้าง ยังไม่สำเร็จเสร็จสิ้นตามวัตถุประสงค์ ต้องค่อยๆ ดำเนินการไป เพราะด้วยเหตุทางวัดยังขาดงบประมาณ อีกเป็นจำนวนมาก ท่านที่มีจิตศรัทธาท่านสามารถเดินทางมาร่วมสร้างบารมีทำบุญได้วัดสันมะเหม้า หรือที่ พระครูอมรสังวรกิจ เจ้าอาวาสวัดสันมะเหม้า ตำบลม่วงคำ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย โทร 089-5583299 จึงขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน