มาตรฐาน พระแท้พระปลอม
คอลัมน์ชมรมพระเครื่อง
โดย แทน ท่าพระจันทร์
พระแท้พระปลอม – สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน ปัญหาเรื่องพระแท้พระปลอมความจริงมีมานานแล้ว เพียงแต่เรื่องราวต่างๆ อาจจะไม่ค่อยมีการพูดถึงกว้างขวางนัก แต่ในปัจจุบันการสื่อสารทันสมัยและ กว้างขวางขึ้นมาก จึงมีการพูดถึงกันมากขึ้น ปัญหาเหล่านี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากยิ่งขึ้นในสังคมโซเชียลฯ ก็มีอย่างมากมายว่าแบบไหนแท้แบบไหนเก๊ มีหลากหลายความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เนื่องจากการหลอกขายพระปลอมมีการพัฒนากันอย่างมีรูปแบบและเป็นขบวนการเป็นก๊กเป็นเหล่า แล้วเราจะเลือกเชื่อได้อย่างไรว่ากลุ่มไหนน่าเชื่อถือจะได้ไม่ถูกหลอก
ครับ เรื่องพระเครื่องพระบูชานั้น มีทั้งพระแท้และพระปลอม ซึ่งก็มีมานานมากแล้ว เป็นร้อยๆ ปี บางท่านอาจจะไม่เชื่อ ว่ามีการทำพระปลอมมาเป็นร้อยปีแล้ว เมื่อมีการทำพระปลอมก็มีการหลอกลวงขายพระปลอมแน่นอน ถ้าถามว่าเมื่อก่อนพระเครื่องไม่ได้มีความนิยมซื้อ–ขายกัน จะมีการทำปลอมรึ? ถ้าคิดแบบนั้นก็ เข้าใจผิดครับ
ผมขอยกตัวอย่าง เรื่องพระสมเด็จวัดระฆังฯ ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) มีการทำปลอมครั้งแรกตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2416 นับถึงเดี๋ยวนี้ก็ร้อยกว่าปีมาแล้ว เรื่องนี้มีการบันทึกไว้ด้วย เนื่องจากเจ้าประคุณ สมเด็จฯ ท่านมรณภาพในปี พ.ศ.2415 หลังจากนั้นก็แค่ปีเดียว เกิดการระบาดของโรคอหิวาตกโรค ที่ในสมัยก่อนเรียกว่า “โรคป่วง” มีการบันทึกว่าเป็นปีระกาป่วงใหญ่ มีผู้คนล้มตายกันมาก ยูกยาสมัยใหม่ก็หายากเป็นยาของฝรั่ง ซึ่งมีราคาแพงมาก ชาวบ้านทั่วไปก็ต้องพึ่งพายาแผนโบราณ หายบ้างตายบ้าง
ชาวบ้านแถวบางกอกน้อยที่เคยได้รับพระสมเด็จฯ ของเจ้าประคุณสมเด็จฯ ก็หวังพึ่งบารมีเจ้าประคุณสมเด็จฯ โดยนำพระสมเด็จมาแช่น้ำเพื่อทำน้ำมนต์ดื่มกิน ปรากฏว่าหายท้องร่วงกันทั่วทุกคน
ข่าวเล่าลือเรื่องพระสมเด็จฯ ทำน้ำมนต์ดื่มกินหายป่วยได้แพร่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว มีผู้คนเข้ามาเสาะหาพระสมเด็จวัดระฆังกันมาก ว่ากันว่ามีการขอเช่าถึงองค์ละ 1 บาท ในสมัยนั้นนับว่ามีราคาสูงพอสมควร
แต่ก็มีผู้คนอยากได้ไว้บูชาและหวังพึ่งบารมีเจ้าประคุณสมเด็จฯ กันมาก จำนวนพระก็มีไม่พอกับความต้องการ บางบ้านที่มีเขาก็ ไม่ให้เช่า จึงเกิดเป็นราคาขึ้นและก็มีการให้ ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมีคนหัวใสทำพระสมเด็จปลอมออกให้เช่าตั้งแต่สมัยนั้น
มีคนที่จำได้ว่าเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้สร้างพระไว้ในองค์พระเจดีย์วัดบางขุนพรหม และก็หาวิธีนำพระออกมา จึงเกิดการตกพระกันขึ้น โดยการนำเชือกยาวๆ มาทำเป็นปมที่ปลายด้านหนึ่ง เอาดินเหนียวหรือไม่ก็ยางไม้มาพอกไว้ที่ด้านปม และนำไม้ไผ่มาทะลวงปล่องให้ทะลุสอดเชือกเข้าไป แล้วนำไปสอดเข้าไปในรูระบายอากาศขององค์พระเจดีย์ ปล่อยเชือกให้ตกลงไปในห้องกรุ แล้วสาวเชือกขึ้นมาบางครั้งก็มีพระติดปลายเชือกขึ้นมา บางครั้งก็ไม่ได้ และจะมีคนมารับเช่าอยู่ทุกวัน
มีการแอบเจาะองค์พระเจดีย์ก็มีอยู่หลายครั้ง ทางวัดเอง ก็ห้ามปรามไม่อยู่ จนต้องเปิดกรุเป็นทางการ ในปี พ.ศ.2500 และนำพระออกให้เช่าเพื่อ นำปัจจัยมาบูรณปฏิสังขรณ์วัดบางขุนพรหมในที่สุด ในปีนั้นพระสมเด็จบางขุนพรหม ก็ราคาองค์ละ 1-3 พันบาทแล้วส่วนพระสมเด็จวัดระฆังก็องค์ละเป็นหมื่น ที่ผมเล่า มาย่อๆ นี้ก็เพื่อให้เห็นว่า พระเครื่องนั้นมีราคามานานแล้ว และเมื่อมีราคาก็มีคนที่ทำปลอมเพื่อหลอกขายให้ได้เงินกันมานานแล้วเช่นกัน
เอาล่ะมาถึงเรื่องพระแท้พระปลอมเอามาตรฐานอะไรมาชี้วัดความแท้ปลอม เอาเฉพาะเรื่องพระสมเด็จของวัดระฆัง และวัดบางขุนพรหมก็มีกลุ่มที่ตั้งตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญมากมายหลายกลุ่มหลายชมรม มีทั้งที่อ้างหลักฐานต่างๆ ตามหลักของตน มีทั้งการทำเป็นหนังสือตำรับตำรา
มีการอบรมกันทุกเดือน มีกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ของกลุ่มเข้ามาให้ความรู้อบรมต่างๆ บางกลุ่มก็มีเครื่องมือวิทยาศาสตร์อ้างว่าสามารถตรวจสอบอายุวัตถุได้ มีการออกใบรับรองต่างๆ ก็แล้วแต่กลุ่มซึ่งมีมากมายหลายแบบ และเขาก็เป็นกลุ่มก้อนของเขาเอง และก็มีที่กล่าวหาว่ากันไปมาว่าแบบนี้ถูกแบบนั้นผิดก็ว่ากันไป ทีนี้เรื่องพระแท้พระปลอมนั้นก็ยังไม่มีในส่วนของทางราชการเข้ามารับรองมาตรฐาน ว่าแบบไหนถูกหรือผิดอย่างไร ก็ถกเถียงกันไปไม่สิ้นสุด
ในส่วนกลุ่มใหญ่ที่เขาเล่นหาซื้อขายกันนั้น เขาก็จะมีมาตรฐานของเขาที่จะเหมือนๆ กันหมด ซึ่งก็มีมานานแล้วสืบต่อความรู้ในการพิสูจน์เก๊–แท้กันต่อๆ มา และที่แน่นอนอีกอย่างหนึ่งก็คือมีมูลค่ารองรับ สามารถซื้อ–ขายได้เงินสดทันที ถ้ามีพระสมเด็จวัดระฆังแท้ไม่ว่าพิมพ์ไหน เอาไปขายได้ทุกศูนย์พระใหญ่ๆ ทุกที่ มีคนขอซื้อแน่นอน ไม่ว่าคุณจะเป็นใครและไม่ต้องรู้จักใคร ถ้าพระแท้ถูกต้องตามมาตรฐานเขาขอซื้อคุณแน่ เพราะเซียนพระที่มีอาชีพซื้อ–ขายพระเครื่องนั้น เขาก็มีราคาซื้อเข้าและราคาขายออก ซึ่งก็มีกำไรส่วนต่างของเขาเป็นอาชีพของเขา ก็เหมือนกับการซื้อ–ขายสินค้าทั่วๆ ไป ส่วนเรื่อง ราคาที่จะซื้อขายจบกันที่ราคาใดก็ตกลงกันเองครับ
ในส่วนตัวผมนั้นเล่นหาศึกษาสะสมมาก็ตั้งแต่สมัยสนามวัดมหาธาตุมาสนามท่า พระจันทร์ จนถึงศูนย์พระในห้าง ก็ลองผิดลองถูกมานาน สูญเสียเงินผิดๆ ไปก็มากจนหาวิธีที่คิดว่าถูกต้องที่สุดคือ เล่นหาแบบมาตรฐานที่มีมูลค่ารองรับ พระเครื่องต่างๆ ที่เล่นหาแบบมีมูลค่ารองรับเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา ปัจจุบันนำมาให้เซียนเช่าต่อ ก็ไม่ผิดหวังได้ส่วนต่างอยู่มากโข พอชดเชยในส่วนที่ศึกษาผิดทางได้ และยังพอที่จะใช้ในชีวิตยามแก่เฒ่าได้ ผมเองก็โชคดีที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมพระเครื่องที่เล่นหาแบบมาตรฐานมีมูลค่ารองรับสั่งสอนชี้แนะให้ และผมก็ยึดแนวทางนี้ที่คิดว่าถูกต้องที่สุด
สำหรับท่านผู้อ่านก็เลือกวิถีทางการศึกษาเชื่อถือเอาว่าจะเล่นหาแบบใด เอาแบบที่มีมูลค่ารองรับหรือแบบไหน ถ้าแบบที่มีมูลค่ารองรับนั้นก็พิสูจน์ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นพระอะไรที่เขานิยมเล่นหากันอยู่ลองเอาไปขายตามศูนย์พระใหญ่ๆ ดู เขารับซื้อหรือไม่ก็รู้ได้ทันทีครับ แต่ถ้าแบบอื่นๆ นั้นก็ลองเอาไปขายให้กับกลุ่มที่ท่านเอาพระมาจากเขาก็จะรู้ได้ทันทีว่าถูกหรือผิดอย่างไรครับ เลือกเอาแบบที่เราสบายใจดีที่สุดครับ แต่ก็อย่าไปโทษใครเพราะเราเลือกเองครับ
วันนี้ผมขอนำรูปพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ แบบมาตรฐานมี มูลค่ารองรับองค์ละหลายๆ ล้าน มาให้ชมครับ