มงคลข่าวสด
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์เป็นกรณีพิเศษ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559
ในการนี้ พระราชปริยัติโมลี ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามที่ พระเทพปริยัติโมลี
ปัจจุบัน พระเทพปริยัติโมลี (สุทัศน์ ปิยสีโล) สิริอายุ 45 พรรษา 24 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ และเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิฝ่ายวิชาการ สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง
มีนามเดิม สุทัศน์ ไชยะภา เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 6 มี.ค. 2514 ที่บ้านเลขที่ 152 บ้านราษฎร์นิยม ต.โคกตูม อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์
เข้าพิธีบรรพชา เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2527 หลังเรียนจบชั้นประศึกษาปีที่ 6 โดยมี พระครูวิบูลวุฒิคุณ(ฉลัน) เจ้าอาวาสวัดตาไก้พลวง และรองเจ้าคณะอำเภอนางรอง เป็นพระอุปัชฌาย์
สอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ที่สำนักเรียนวัดกลาง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ รวมทั้งสอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค
พระครูพิทักษ์ชินวงศ์ เจ้าคณะอำเภอนางรอง จึงนำมาฝาก พระราชเมธี (วรวิทย์) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมต่อ
ตามธรรมเนียมวัดมหาธาตุฯ เมื่อมีสามเณรนวกะเข้ามาอยู่อาศัยแต่ละปี จะต้องผ่านอบรมกัมมัฏฐาน อบรมขนบธรรมเนียมประเพณีของวัดมหาธาตุฯ และบรรพชาใหม่
จึงบรรพชาอีกครั้ง เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2533 มี พระสุเมธาธิบดี (บุญเลิศ ทัตตสุทธิ) อดีตเจ้าอาวาส อดีตเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และอดีตกรรมการมหาเถรสมาคม เป็นพระอุปัชฌาย์
ครั้นสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค อายุครบ จึงกลับไปอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดกลาง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2535 มี พระราชเมธี (วรวิทย์ คังคปัญโญ) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูธีรคุณาธาร วัดกลาง พระอารามหลวง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระครูพิทักษ์ชินวงศ์ วัดกลาง เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ภายหลังอุปสมบท ศึกษาต่อจนจบเปรียญธรรม 9 ประโยค ที่สำนักเรียนวัดมหาธาตุฯ
จากนั้นเข้าศึกษาต่อปริญญาตรี-โท-เอก จนสำเร็จ ป.วค. (ประกาศนียบัตรประโยควิชาชีพครู), พธ.บ. (ปรัชญา), ศษ.บ. (บริหารการศึกษา), อ.ม. (ศาสนาเปรียบเทียบ), ค.ม.(บริหารการศึกษา) และ Ph.D (Cultural Science)
จนถึงปี พ.ศ.2540 จึงได้เป็นพระอนุจร ติดตามพระเทพปริยัติสุธี (วรวิทย์) พระอุปัชฌาย์ ย้ายไปอยู่วัดโมลีโลกยาราม
นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในระยะแรกทำหน้าที่เป็นรองอาจารย์ใหญ่ (พ.ศ.2541-2543) และอาจารย์ใหญ่ (พ.ศ.2544-ปัจจุบัน) ตามลำดับ ช่วยพระอุปัชฌาย์สอนบาลีและนักธรรม และบูรณปฏิสังขรณ์วัดโมลีโลกยาราม จนทำให้สำนักเรียนวัดโมลีโลกยาราม ภายใต้การนำของพระเทพปริยัติสุธี (วรวิทย์) เป็นสำนักเรียนชั้นแนวหน้า
ต่อมาช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 พระพรหมกวี (วรวิทย์) มรณภาพ ท่านจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยารามสืบแทน เมื่อวันที่ 6 มี.ค.2555
ท่านปกครองอารามแห่งนี้ด้วยดี ตั้งปณิธานสานต่อเจตนารมณ์ของบูรพาจารย์สำนักเรียนวัดโมลีฯ ได้จัดการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมและแผนกบาลี
ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษา ทําให้สำนักเรียนมีความเจริญรุดหน้า มีผลงานเป็นที่ประจักษ์โดดเด่นทั้งในด้านการบริหารและด้านวิชาการ ในแต่ละปีมีผู้สอบได้มากกว่า 100 รูป จนได้รับพระราชทานทุนเล่าเรียนหลวงประเภทสำนักเรียนบาลีดีเด่น
ลำดับงานปกรอง พ.ศ.2555 เป็นเจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม พ.ศ.2557 เป็นเจ้าคณะเขตบางกอกใหญ่ พ.ศ.2554 เป็นพระอุปัชฌาย์ (วิสามัญ)
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2551 ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระเมธีวราภรณ์ พ.ศ.2556 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชปริยัติโมลี
พ.ศ.2559 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ “พระเทพปริยัติโมลี”
ท่านมีผลงานด้านการเขียนหนังสือมากมาย อาทิ เคล็ดลับวิชาสัมพันธ์ไทย ชั้นประโยค ป.ธ.3 (พ.ศ.2538), หนังสือธรรมศึกษาชั้นตรี ฉบับปรับปรุงตามหลักสูตรใหม่, หนังสือปัญหาและเฉลยบาลีสนามหลวงชั้นเปรียญเอก (พ.ศ.2549), หลักสูตรบาลีไวยากรณ์และหลักสัมพันธ์ เป็นต้น
ยังคงทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้แก่การศึกษา โดยเฉพาะการศึกษาของคณะสงฆ์ทั้งทางโลกและทางธรรม