สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) สังฆราชองค์แรกรัตนโกสินทร์ : อริยะโลกที่ 6
สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) – เป็นสมเด็จพระสังฆราชไทยพระองค์ที่ 2 แห่งกรุงธนบุรี และเป็นพระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เสด็จสถิต ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
พระประวัติในตอนต้นไม่ปรากฏ รายละเอียด พบแต่เดิมเป็นพระอาจารย์ศรี อยู่วัดพนัญเชิงวรวิหาร หลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองในปี พ.ศ.2310 หนีภัยสงครามไปอยู่ที่เมืองนครศรีธรรมราช ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2312 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เสด็จไปตีเมืองนครศรีธรรมราช ได้อาราธนาพระองค์ให้มาอยู่ที่วัดบางว้าใหญ่ (วัดระฆังโฆสิตาราม) และทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช นับเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 2 แห่งกรุงธนบุรี
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขึ้นครองราชย์ ที่กรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อปี พ.ศ.2325 ได้โปรดเกล้าฯ ให้คงที่สมณฐานันดรศักดิ์ดังเดิม และไปครองพระอารามตามเดิมด้วย ทรงเห็นว่าเป็นผู้มีความสัตย์ซื่อมั่นคง ดำรงรักษาพระพุทธศาสนาโดยแท้ ควรแก่นับถือเคารพสักการบูชา
พระองค์ทรงเป็นกำลังสำคัญในการชำระและฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ทั้งในด้านความประพฤติปฏิบัติของภิกษุสามเณร การบูรณปฏิสังขรณ์พุทธสถาน การชำระตรวจสอบพระไตรปิฎก ตลอดจนการประพฤติปฏิบัติของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป
พระกรณียกิจสำคัญ คือ งานสังคายนา พระไตรปิฎก นับเป็นการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 2 ของราชอาณาจักรไทย กระทำเมื่อปี พ.ศ.2331
โดยนำพระไตรปิฎกที่รวบรวมบรรดาพระไตรปิฎกฉบับที่เป็นอักษรลาว อักษรรามัญ ตรวจชำระแล้วแปลงเป็นอักษรขอม จารึกลงลานประดิษฐานไว้ ณ หอพระมณเทียรธรรม และสร้างคัมภีร์พระไตรปิฎกถวายพระสงฆ์ ไว้ศึกษาทุกพระอารามหลวง เมื่อตอนต้นรัชกาล มาตรวจชำระ
โดยอาราธนาสมเด็จพระสังฆราช พระราชาคณะให้ดำเนินการ สมเด็จพระสังฆราชเลือกพระราชาคณะฐานานุกรม เปรียญอันดับที่เล่าเรียนพระไตรปิฎกได้พระสงฆ์ 218 รูป กับราชบัณฑิตยาจารย์ 32 คน สังคายนาที่วัดนิพพานาราม
แบ่งพระสงฆ์ออกเป็น 4 กอง ดังนี้ 1.สมเด็จพระสังฆราช เป็นแม่กองชำระพระสุตตันปิฎก 2.พระวันรัต เป็นแม่กองชำระพระวินัยปิฎก 3.พระพิมลธรรม เป็นแม่กองชำระพระสัททาวิเสส 4.พระธรรมไตรโลก (ชื่น) เป็นแม่กองชำระพระปรมัตถปิฎก
การชำระพระไตรปิฎกใช้เวลา 5 เดือน ได้จารึกพระไตรปิฎกลงลานใหญ่ แล้วปิดทองทึบ ทั้งปกหน้าปกหลัง และกรอบ เรียกว่า ฉบับทอง สมโภช แล้วอัญเชิญ เข้าประดิษฐานในตู้ประดับมุก ตั้งไว้ใน หอพระมณเทียรธรรม กลางสระในวัด พระศรีรัตนศาสดาราม
จึงกล่าวได้ว่า การทำสังคายนาครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีสมพระราชประสงค์ทุกประการ โดยการอำนวยการของสมเด็จพระสังฆราช (ศรี) โดยแท้ นับเป็นพระเกียรติประวัติอีกประการหนึ่ง
พระไตรปิฎกฉบับสังคายนาเมื่อครั้งรัชกาลที่ 1 ที่ได้เป็นแม่ฉบับสำหรับตรวจสอบในการจัดพิมพ์เป็นอักษรไทยครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ.2431 เป็นเล่มหนังสือจำนวน 39 เล่ม
ต่อมาในรัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดให้จัดพิมพ์ขึ้นอีกครั้งหนึ่งและเพิ่มเติมจนครบบริบูรณ์ เมื่อ พ.ศ.2468 เป็นเล่มหนังสือจำนวน 45 เล่ม เรียกว่า พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ
สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) ทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 เมื่อทรงผนวชเป็นพระภิกษุ ขณะทรงดำรงพระราชอิสริยยศ เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร เมื่อปี พ.ศ.2331 และสมเด็จพระเจ้าหลานเธออีก 2 พระองค์
คือ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนรินทร์รณเรศ และสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัด พระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง
ครั้นทรงผนวชแล้ว สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร เสด็จไปประทับอยู่วัดสมอราย (คือวัดราชาธิวาส ปัจจุบัน) เพื่อทรงศึกษาสมณกิจในสำนักพระปัญญาวิสาลเถร (นาค) ตลอด 1 พรรษาแล้ว จึงทรงลาผนวช
สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) ทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช เมื่อครั้งรัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี 12 ปี และทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 12 ปี เช่นกัน สิ้นพระชนม์ เมื่อ พ.ศ.2337 ในรัชกาลที่ 1 ไม่ปรากฏว่ามีพระชนมายุเท่าใด
ในกฎพระสงฆ์กล่าวถึงพระองค์ว่า “สมเด็จพระสังฆราชผู้เฒ่า” น่าจะมีพระชนมายุสูงไม่น้อยกว่า 80 พรรษา