คอลัมน์ ชมรมพระเครื่อง

แทน ท่าพระจันทร์

สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน เรื่องเครื่องรางของขลังประเภทตะกรุดยุคเก่าของจังหวัดพิจิตร และเป็นต้นตำรับของตะกรุดเมืองพิจิตร ก็คือตะกรุดของหลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า สำหรับท่านที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงพระเครื่องก็อาจจะไม่ค่อยรู้จัก เนื่องจากเป็นพระยุคเก่ามากๆ ประวัติของท่านก็ไม่ได้มีการบันทึกไว้ เพียงแต่มีการบอกเล่ากันต่อมา และหลวงพ่อโพธิ์เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ที่มีคนเคารพนับถือกันมาก เรามารู้จักกับตะกรุดของหลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า กันนะครับ

หลวงพ่อโพธิ์เป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าแก่ของจังหวัดพิจิตร จากการสืบค้นจาก คำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ที่ได้รับคำบอกเล่าจากพ่อแม่เล่าต่อกันมาว่า ท่านเป็นพระมอญ เดินธุดงค์มาจากเมืองปทุมธานี เมื่อมาถึงตำบลบางคลาน ท่านก็สร้างกุฏิมุงด้วยหญ้าคาเล็กๆ อยู่ริมน้ำ ที่บริเวณนี้เป็นคุ้งน้ำและมีน้ำวน และมักจะมีหมาเน่าที่ลอยมาตามน้ำก็มักจะลอยมาวนติดอยู่ที่คุ้งน้ำแห่งนี้ บางครั้งก็มีจำนวนมากนับสิบตัว จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกบริเวณแถบนี้ในสมัยก่อนว่า “วังหมาเน่า”

สมัยก่อนเป็นป่าหญ้าคาเงียบสงบ ไม่มีผู้คน หลวงพ่อโพธิ์จึงปักหลักเจริญวิปัสสนากรรมฐานอยู่ที่บริเวณนี้ ท่านมิได้สนใจกับกลิ่นเหม็นจากหมาเน่า ตัดกลิ่นรบกวนจนหมดสิ้น มีคำเล่าลือกันว่าในหน้าแล้งมักจะเกิดไฟไหม้ป่าหญ้าคาแถวกุฏิท่าน บ่อยๆ ท่านก็นิ่งเฉย นั่งสมาธิสงบอยู่ในกุฏิ เมื่อไฟลามมาถึงก็จะดับลงหรือไม่ก็เปลี่ยนทิศไปทางอื่น กุฏิของท่านเป็นไม้เตี้ยๆ มุงหญ้าคาซึ่งเป็นเชื้อไฟอย่างดี แต่ไฟก็ไม่เคยไหม้ลามไปถึงกุฏิท่านเลย ชาวบ้านในสมัยนั้นเคารพเลื่อมใสในตัวหลวงพ่อโพธิ์มาก แม้แต่หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ซึ่งจำพรรษาอยู่ไม่ไกลกันนักก็มาศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและพุทธาคมกับหลวงพ่อโพธิ์

หลังจากหลวงพ่อโพธิ์มรณภาพแล้ว บรรดาญาติทางเมืองปทุมธานีได้ขึ้นมาขนข้าวของของท่านกลับไปจนหมด จึงแทบไม่เหลือหลักฐานใดๆ ไว้เลย ส่วนวัดวังหมาเน่าต่อมาถึงปีพ.ศ.2482 ก็ได้รับจัดตั้งเป็นวัดอย่างเป็นทางการ มีชื่อใหม่ว่า “วัดโพธิ์ศรี” โดยนำชื่อของหลวงพ่อโพธิ์มาตั้งเป็นชื่อวัด ในส่วนของลูกศิษย์ของท่านก็ได้นำตำราเก่าของหลวงพ่อโพธิ์ที่ตนเองเก็บรักษาไว้กลับมาเก็บไว้ที่วัด ทำให้ยังพอมีตำราเก่าของหลวงพ่อโพธิ์หลงเหลืออยู่ที่วัดโพธิ์ศรีในปัจจุบัน จากการรวบรวมสืบค้นประวัติของท่านและอายุตอนที่ท่านมรณภาพ จึงสันนิษฐานได้ว่าหลวงพ่อโพธิ์น่าจะเกิดในราวปีพ.ศ.2314 มรณภาพในราวปีพ.ศ.2416 สิริอายุราว 102 ปี พรรษาที่ 82

วัตถุมงคลของหลวงพ่อโพธิ์เท่าที่ทราบก็คือตะกรุดโทน ซึ่งจากผู้ที่ครอบครองโดยได้รับมรดกตกทอดมานั้น แกนกลางของตะกรุดจะเป็นตะกรุดทองแดงแล้วหุ้มด้วยแผ่นตะกรุดตะกั่วอีก และมีหลายชั้น ซึ่งอาจจะเป็นโลหะทองแดงหรือโลหะอื่นสลับกันไปหลายชั้นก็มี ตะกรุดของท่านจึงมักจะมีขนาดหนาใหญ่ทั้งสิ้น ส่วนความยาวก็มีตั้งแต่ 4 นิ้วไปจนถึง 6 นิ้ว เท่าที่พบส่วนใหญ่มักมีทั้งลงรักถักเชือก และไม่ได้ถักก็มี

พุทธคุณนั้นเด่นทางอยู่ยงคงกระพันและแคล้วคลาด หลวงพ่อเปรื่อง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางคลาน ก็มีตะกรุดของหลวงพ่อโพธิ์เก็บไว้อยู่ดอกหนึ่ง เป็นตะกรุดที่ตกทอดมาจากผู้ที่โดนจระเข้งับลากลงในแม่น้ำ แต่กัดไม่เข้า และแกก็ได้ใช้มีดแทงเข้าที่ตาจระเข้จึงรอดมาได้ นอกจากนี้ก็มีผู้ที่ถูกยิงมาก็มากที่ไม่เข้า ตะกรุดของหลวงพ่อโพธิ์จะมีจำนวนน้อย เนื่องจากเมื่อมีคนไปขอท่านก็จะให้เตรียมวัสดุมาเอง แล้วท่านจึงลงจารอักขระ และปลุกเสกของท่านเอง แล้วจึงเอามาคืนให้แก่เจ้าของในภายหลัง

ตะกรุดของจังหวัดพิจิตรในยุคต่อมาที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ได้สร้างตามตำรับของหลวงพ่อโพธิ์ ก็เริ่มมาตั้งแต่ตะกรุดหลวงพ่อเงิน หลวงพ่อพิธ หลวงพ่อเตียง เป็นต้น ซึ่งเป็นตะกรุดที่โด่งดังมากในปัจจุบันและหายาก ในส่วนตะกรุดของหลวงพ่อโพธิ์นั้นหายากมากๆ ครับ แต่เท่าที่เล่ามาก็เพื่อพอให้ทราบว่าตะกรุดคู่ชีวิต ตะกรุดสายพิจิตรนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร และในวันนี้ผมก็ได้นำรูปตะกรุดของหลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า จากหนังสือตามรอยตำนานเครื่องรางของขลังขมังเวทย์ มาให้ชมครับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน