150ปีชาตกาล หลวงปู่มั่น – ในโอกาสวาระครบรอบ 150 ปีชาตกาล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ และพระอาจารย์ใหญ่ของพ่อแม่ครูอาจารย์เกือบ 1,000 รูป ในการทำหน้าที่เผยแผ่พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปทั่วโลก

ทำให้องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO : United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) ซึ่งเป็นทบวงการชำนาญพิเศษของสหประชาชาติ ได้ยกย่องให้หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้านสาขาสันติภาพ ในระหว่างปี พ.ศ.2563 – 2564

กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม จึงให้วัดไทยทั่วประเทศจัดงานเจริญพุทธมนต์ เจริญสมาธิภาวนา พร้อมกันทั่วไทย ทั่วโลก เพื่อน้อมรำลึก 150 ปีชาตกาล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต โดยได้นำวันที่ 20 ม.ค. 2563 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันถือกำเนิดของหลวงปู่มั่น เมื่อ 150 ปีที่แล้ว เป็นวันจุดพลุให้เห็น ถึงความสำคัญของการเจริญสมาธิภาวนา และการสวดมนต์ ภายใต้แนวคำสอนของ หลวงปู่มั่น ที่เน้นการบริกรรม “พุทโธ” เป็นจุดเริ่มต้นของการทำสมาธิ

ปัจจุบันในประเทศไทยมีเพียง พระพรหมมงคลญาณ วิ. หรือ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ผู้ก่อตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพ และเจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล ที่เคยอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น และเดินธุดงค์ไปกับหลวงปู่มั่นเพียง 2 รูป

ปัจจุบัน หลวงพ่อวิริยังค์ มีอายุ 100 ปี

สำหรับงานน้อมรำลึก 150 ปีชาตกาล หลวงปู่มั่น จัดขึ้นที่ วัดธรรมมงคล เขตพระโขนง กรุงเทพฯ โดยมีข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรม

หลวงพ่อวิริยังค์ เมตตานำสาธุชนทั้งในไทยและต่างประเทศ นั่งสมาธิพร้อมกันเป็นเวลา 15 นาที

พิธีเริ่มตั้งแต่เวลา 18.15 น. มี นายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมกับมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ผ่านสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ดำเนินรายการถ่ายทอดสดผ่านไทยทีวีโกลบอลเน็ตเวิร์ก หรือ ทีจีเอ็น ผ่านดาวเทียม 5 ดวง และออกอากาศไปยัง 177 ประเทศทั่วโลก

ภายในงานยังมีการนำรูปปั้นหลวงปู่มั่นที่เหมือนองค์จริงมากที่สุด เพราะได้รับการควบคุมดูแลการปั้นอย่างละเอียดจากหลวงพ่อวิริยังค์ และยังมีการแจกของที่ระลึกภายในงาน อาทิ หนังสือประวัติหลวงปู่มั่น ซึ่งเขียนโดยหลวงพ่อวิริยังค์ ตั้งแต่ครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระเทพเจติยาจารย์ รวมถึงมีการแจกพระผงหลวงปู่มั่น

ซึ่งหลวงพ่อวิริยังค์เมตตาอธิษฐานจิตเป็นเวลา 3 วัน เพื่อแจกให้กับสาธุชนที่มาร่วมงาน สร้างความปลาบปลื้มให้กับสาธุชน หลังจากนั่งสมาธิและสวดมนต์พร้อมกันทั่วไทยและทั่วโลก ในพิธีดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังมีศิษยานุศิษย์ที่มีบทบาทอยู่ในแถวหน้าของเมืองไทยมาร่วมงานด้วย อาทิ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และนักกฎหมายของเมืองไทย, ศาสตราจารย์กิตติคุณ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นต้น

หลวงปู่มั่น สกุลเดิม แก่นแก้ว เกิดเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 20 ม.ค. 2413 ที่บ้านคำบง ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี มีพี่น้อง 6 คน ท่านเป็นคนโต

ท่านเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ผู้เป็นบูรพาจารย์สายพระป่าในประเทศไทย ปฏิบัติตนตามแนวทางคำสอนพระศาสดาอย่างเคร่งครัด และยึดถือธุดงควัตรด้วยจริยวัตรปฏิปทางดงาม

ท่านวางแนวทางในการปฏิบัติสมถะและวิปัสสนาตามหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้าให้แก่สมณะประชาชนอย่างกว้างขวาง จนมีพระสงฆ์และฆราวาสเป็นลูกศิษย์จำนวนมาก แนวคำสอนของท่านเป็นที่รู้จักกันดีในนามว่า คำสอนพระป่า (สายพระอาจารย์มั่น)

คติธรรมคำสอนให้ศิษย์เพื่อไว้เตือนสติ 2 ข้อ คือ 1. ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นชื่อว่าดีเลิศ 2. ได้สมบัติทั้งปวงไม่ประเสริฐเท่าได้ตนเพราะตนเองเป็นที่เกิดแห่งสมบัติทั้งปวง

คติธรรมอีกบทหนึ่งที่หลวงปู่มั่นได้เทศนาสอนอยู่เสมอ ซึ่งเป็นคำกลอนภาษาอีสานว่า “แก้ให้ตกเน้อ แก้บ่ได้แขวนคอต่องแต่ง แก้บ่พ้นคาก้นย่างยาย คาก้นย่างยาย เวียนตายเวียนเกิด เวียนเอากำเนิดในภพทั่งสามภพทั่งสามเป็นเฮือนเจ้าอยู่”

ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2492 ที่วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร สิริอายุ 79 ปี พรรษา 56

หลังมรณภาพ ยังคงมีพระสงฆ์ที่เป็นลูกศิษย์ของท่านสืบต่อแนวปฏิปทาธรรมปฏิบัติของท่านสืบมา โดยลูกศิษย์เรียกว่าพระกัมมัฏฐานสายวัดป่า หรือ พระกัมมัฏฐานสายหลวงปู่มั่น

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ท่านได้รับยกย่องให้เป็นพระอาจารย์ใหญ่สายวัดป่า สืบมาจนปัจจุบัน