หลวงพ่อด่วน ถามวโรวัดบางนอน จ.ระนอง : อริยะโลกที่ 6
หลวงพ่อด่วน ถามวโร – วันอาทิตย์ที่ 10 พ.ค.2563 น้อมรำลึกครบรอบ 103 ปี ชาตกาล “หลวงพ่อด่วน ถามวโร” หรือ พระครูประภัสร วิริยคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดวารีบรรพต (วัดบางนอน) ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง พระเกจิรูปหนึ่งที่ชาวระนองให้ความเลื่อมใสศรัทธา เป็นพระเถระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม เป็นผู้สร้างวัดบางนอนและสร้างพระพุทธไสยาสน์ใหญ่ที่สุดในภาคใต้
มีนามเดิมว่า ด่วน ปรางสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2460 ที่บ้านท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สทิงพระ จ.สงขลา
วัยเยาว์ได้เรียนจบชั้น ป.4 ก่อนลาออกมาช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพด้วยการทำไร่ทำนา อายุครบ 21 ปี จึงตัดสินใจออกบวช ที่วัดบางแก้ว อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง โดยมีพระครูเดิม เป็นพระอุปัชฌาย์
หลังอุปสมบท ศึกษาพระธรรมวินัยอย่างมุ่งมั่น ผ่านไป 1 พรรษา จึงได้รับนิมนต์ไปปฏิบัติกัมมัฏฐานอยู่ที่ถ้ำบนภูเขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ซึ่งมีความสงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม
ด้วยความมุ่งมั่น สามารถปฏิบัติกัมมัฏฐานอย่างเคร่งครัด ตามคำสั่งสอนของพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้นได้ออกธุดงค์ไปโปรดญาติโยมตามสถานที่ต่างๆ โดยลำพัง ค่ำที่ไหน ปักกลดที่นั่น ส่วนใหญ่จะในที่ป่าช้าและในถ้ำหรือ ใต้ต้นไม้ จากพัทลุงเดินข้ามเขาบรรทัดไป อ.กันตัง จ.ตรัง แล้วไปที่ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง จนไปถึง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช
ต่อมากลับไปยังอำเภอเขาชัยสนอีกครั้ง แล้วเดินทางไป อ.กันตัง เพื่อลงเรือยนต์ไป จ.ระนอง สมัยนั้นยังไม่มีถนนใช้เวลานับเดือน เมื่อเรือถึงปากน้ำระนองในตอนเช้าตรู่ เรือจอดที่ท่าเรือวัดปากน้ำ บนเกาะคณฑี จึงได้ฉันจังหันมื้อแรก
จากนั้นได้เดินทางข้ามฝั่งจากเกาะมายังแผ่นดินใหญ่ แล้วเดินลัดเลาะไปปักกลดอยู่ที่ใกล้ตัวเมืองระนอง ตัดสินใจปักหลักอยู่ที่จังหวัดระนองและสร้างวัดขึ้นตั้งแต่ปี 2502 เป็นต้นมาคือ วัดวารีบรรพต (วัดบางนอน) ในปัจจุบัน และเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก
พ.ศ.2504 สร้างพระพุทธไสยาสน์หรือพระนอนที่ใหญ่ที่สุด ในภาคใต้ บนเนินเขาบางนอน โดยมีนายช่างจากกรมศิลปากรเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง เมื่อการก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ กรมศิลปากรแนะนำให้ท่านกราบบังคมทูลขอพระราชทานดวงพระเนตรพระพุทธรูปปางไสยาสน์ผ่านทางสำนักพระราชวัง เมื่อทางสำนักพระราชวังนำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานดวงพระเนตรพระพุทธไสยาสน์ทั้งสองดวง
วันอาทิตย์ที่ 11 มิ.ย. 2521 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงเบิกพระเนตรพระพุทธไสยาสน์และยกช่อฟ้าอุโบสถวัดวารีบรรพต
เป็นพระนักพัฒนา เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ท่านได้มาจากการบริจาคสมทบทุน นำมาสร้างและปฏิสังขรณ์วัดให้เป็นปูชนียสถาน อยู่คู่กับพระพุทธศาสนา เช่นเดียวกับสังขารของท่านที่ยังคงอยู่ให้ ผู้เลื่อมใสศรัทธาได้กราบไหว้สักการะตราบนานเท่านาน
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2518 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ที่พระครูประภัสรวิริยคุณ ก่อนได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามเดิม
เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2550 มรณภาพอย่างสงบ ด้วยโรคปอดติดเชื้อและโรคแทรกซ้อน ที่โรงพยาบาลระนอง
สิริอายุ 90 ปี พรรษา 69