“พระธาตุท่าอุเทนก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2454 โดยการนำพาของ พระอาจารย์สีทัตถ์ ญาณสัมปันโนพระอริยสงฆ์ผู้ทรงบารมี เป็นผู้ที่คนไทยและลาว มีความเคารพศรัทธาสูงยิ่ง พระอาจารย์สีทัตถ์ได้ชักชวนพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ได้แก่ ชาวจังหวัดหนองคาย จังหวัดสกลนคร จังหวัดนครพนม ประชาชนไทย และประชาชนชาวลาว ร่วมกันก่อสร้างขึ้นไว้ใกล้แม่น้ำโขง

เพื่อเป็นที่กราบสักการะของชาวไทยและชาวลาว ภายในพระธาตุเป็นที่บรรจุพระพุทธสารีริกธาตุ ที่หลวงปู่สีทัตถ์ ได้อัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า เมื่อครั้งที่ท่านถือธุดงค์กรรมฐานจาริกไปยังสถานที่ต่างๆ รวมทั้ง พระพุทธรูปและของมีค่าต่างๆ ที่ผู้มีจิตศรัทธาบรรจุถวายไว้

ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานดำเนินงานโครงการ กล่าวว่า ด้วยเหตุที่องค์พระธาตุได้มีความชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา จึงได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุท่าอุเทน ซึ่งในขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการบูรณะซ่อมแซม และทาสี โดยนอกจากตัวองค์พระธาตุแล้ว อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของพระธาตุท่าอุเทนนี้ คือ ยอดฉัตรพระธาตุท่าอุเทน ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่สูงสุดของพระธาตุ ก็ได้เกิดความสึกกร่อนเช่นกัน อันว่ายอดสูงสุดของพระธาตุ แสดงถึงความหมายของพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นการบรรลุเป้าหมายสูงสุดของคำสอนและการปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา

ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิธรรมดี, กองทุนสืบสานธรรม และวัดพระธาตุท่าอุเทนจึงได้ร่วมกันจัดตั้งโครงการ หุ้มทองคำยอดฉัตรฝังเพชร พระธาตุท่าอุเทนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำนุบำรุงและรักษายอดฉัตรพระธาตุท่าอุเทน ให้คงสภาพสมบูรณ์แข็งแรง สง่างามสมพระบารมี และนับเป็นครั้งสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ ที่ประชาชนชาวไทย ชาวลาว และพุทธศาสนิกชนทั่วโลก จะได้ร่วมกันนำทองคำอันเป็นธาตุบริสุทธิ์สูงค่าไปหุ้มยอดฉัตร ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของพระธาตุ ถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์

ในฐานะที่พระธาตุท่าอุเทน เป็นพระพุทธสารีริกธาตุเจดีย์ที่สำคัญของแผ่นดิน โครงการ หุ้มทองคำยอดฉัตรฝังเพชร พระธาตุท่าอุเทนจึงนับว่าเป็นวาระสำคัญ และเป็นหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนในการเร่งบูรณะยอดเจดีย์อายุกว่า 105 ปี โดยโครงการฯได้รับอนุมัติจากกรมศิลปากร ให้ดำเนินการอย่างเป็นทางการ และได้รับเมตตาจาก สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เป็นประธานฝ่ายฆราวาสทั้งนี้กิจกรรมหลักของโครงการฯ คือ กิจกรรมรับบริจาคทองคำ โดยขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ร่วมใจกันนำทองคำมารวมกันไว้ ณ จุดสูงสุดของยอดพระธาตุ เพื่อเป็นมหามงคลที่สุดแห่งชีวิต

นายสมาน คุณากรไพบูลย์สิริ ประธานอำนวยการกิตติมศักดิ์ กล่าวว่า พิธีเททองหล่อทองคำยอดฉัตรพระธาตุท่าอุเทน ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้น วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม 2560 เวลา 08.09 น. ณ วัดพระธาตุท่าอุเทน จ.นครพนม โดยในวันเททองหล่อนี้ จะไม่สามารถนำทองคำมาหย่อนเบ้าหลอมที่หน้างานได้ จึงต้องส่งทองคำมาก่อนในงานถวายทองคำ เนื่องจากทองคำที่ใช้เททองหล่อนี้ ต้องเป็นทองคำที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพแล้วเท่านั้น และจะมีพิธียกยอดฉัตรทองคำฝังเพชร วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน2560 เวลา 08.09 น. ที่วัดพระธาตุท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม

โดยปัจจัยและทองคำที่ได้รับจากผู้ร่วมบุญครั้งนี้ จะนำไปซื้อทองคำและใช้เป็นค่าแรงผลิตชิ้นงานเท่านั้น พร้อมทั้งได้ประสานงานกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในการเข้ามาตรวจสอบบัญชีทั้งหมด เพื่อความโปร่งใส ของโครงการฯ

ด้าน นายเสวก สงเคราะห์ ประธานกรรมการฝ่ายวิศวกรรมและศิลปกรรม กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดการหุ้มทองคำยอดฉัตรฝังเพชรพระธาตุท่าอุเทน มีการออกแบบตามโครงเดิมเพื่ออนุรักษ์พุทธศิลป์แบบดั้งเดิม โดยมีทรวดทรงฉันทลักษณ์งดงามตามสถาปัตยกรรมไทย รวมความสูงของฉัตรคือ 4 ม. 50 ซม. จะมีการนำทองคำไปหุ้มฉัตรทั้ง 5 ชั้น จนถึงยอดฉัตรบนสุดทรงดอกบัวที่เป็นจุดสูงสุดของพระธาตุ ใช้ทองคำทั้งหมดประมาณ 18 กิโลกรัม และฝังเพชรแท้ที่ยอดฉัตรบนสุดทรงดอกบัวประมาณ2,049 เม็ด

สำหรับการร่วมบุญโครงการหุ้มทองคำยอดฉัตรฝังเพชร พระธาตุท่าอุเทน สามารถทำได้สองทางคือ 1. บริจาคทองคำ96.5% ขึ้นไป ในวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2560 ตั้งแต่ 14.00 น. โดยสมเด็จพระวันรัต เมตตาเป็นประธานรับการถวายทองคำ ณ อาคาร 100 ปี วัดบวรนิเวศวิหาร และวันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน 2560 ตั้งแต่ 14.00 น. โดยสมเด็จพระวันรัต เป็นประธานรับการถวายทองคำอีกครั้ง ณ วัดพระธาตุท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม

2. ร่วมเป็นเงินปัจจัยได้ที่ บัญชีการร่วมบุญ ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 111-430611-9 , ชื่อบัญชี เงินกองทุน สืบสานธรรม ตั้งแต่วันนี้ – 9 ตุลาคม 2560 ซึ่งผู้ร่วมบุญทุก 5,000 บาท คณะกรรมการโครงการ จะเขียนชื่อ นามสกุล หรือ ชื่อตระกูล (จำนวน 1 ชื่อ) ลงในแผ่นทองคำแท้ที่จะนำไปหล่อเพื่อหุ้มยอดฉัตร

ร่วมบุญหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร 098-945-4265 หรือ 086-982-2915

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน