คอลัมน์ วิถีแห่งการปฏิบัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
เสถียร จันทิมาธร
จากสำนวนเขียน พระอาจารย์ทองคำ จารุวัณโณ และเป็นการตีพิมพ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2547 ดำเนินไปอย่างเรียบรื่น
บอกให้รู้ว่าหมู่บ้านตีนถ้ำสาริกา นครนายก เป็นชาวบ้านห้วยอีเห็น
บอกให้รู้ด้วยว่ากำหนดแห่งการปฏิบัติ ปรารภความเพียร ของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นเมื่อใด
“เป็นชาวโคราชมาทำไร่ตั้งบ้านอยู่ชื่อว่าบ้านห้วยอีเห็น บ้านเรือนยังไม่มี มีแต่ป่า”
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต บอกความประสงค์ที่จะจำพรรษาที่ถ้ำนี้ ชาวบ้านก็ยินดีว่าจะได้ทำบุญกับท่าน
กระนั้น ภายในความยินดีก็มีความวิตก
Advertisement
“ท่านพระอาจารย์จะอยู่ได้ไหม ปีที่แล้วมีพระมาจำพรรษา 4 รูป ยังไม่พ้นพรรษาตายคาถ้ำ 2 รูป ออกไปตายข้างนอกอีก 2 รูป”
ได้ฟังดังนั้น พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ตอบว่า
“ไหนๆ ก็รอนแรมจากกรุงเทพฯ มาไกล จวนจะเข้าพรรษาแล้ว ลองดู จะตายเป็นองค์ที่ 5 ก็จำเป็น”
เป็นความเด็ดเดี่ยว เป็นความหาญกล้า
แต่ละบรรทัดต่อไปนี้เป็นการเรียบเรียงจากสำนวนเขียน พระอาจารย์ทองคำ จารุวัณโณ ดำเนินไปเสมือน “ท่านเล่าว่า”
ดังนี้
พอเข้าพรรษาได้ 3 วันก็ได้เรื่องทีเดียว จิตใจฟุ้งซ่าน กายรำคาญ เต็มไปด้วยความวิตกนานาประการ ล้วนแต่หาสาระไม่ได้ทั้งนั้น
ธาตุพิการ อาหารไม่ย่อย ฉันข้าวโพดเข้าไปถ่ายเป็นเมล็ดออกมา
ไม่เป็นอันหลับอันนอน พิจารณาทบทวนไปมาเลยคิดได้ว่าลองไม่ฉันดีกว่า บอกชาวบ้านว่า
“ถ้าไม่เห็นอาตมาลงไปบิณฑบาต อย่าขึ้นมานะ”
“ชาวบ้านพาซื่อไม่ขึ้นมาจริงๆ บอกว่า “ถ้าถึง 7 วัน ไม่เห็นลงไปบิณฑบาตขึ้นมาเอาไฟมาด้วยจะได้เผากัน”
พิจารณากำหนดจิตอยู่ในร่างกายนี้พอสมควรแล้วก็นั่งสมาธิ ความวิตกกังวลทับถมเข้ามา ร่างกายเจ็บปวดเวทนา ทั้งแสบทั้งร้อนสารพัดเกี้ยวขาสารพาเกี้ยวแข้ง คิดขึ้นได้ว่า จะเป็นตายร้ายดีก็ให้ตัดสินใจกันวันนี้
เมื่อลงใจได้เช่นนี้ พิจารณากำหนดอยู่ในร่างกายไม่ถอย จิตก็รวมใหญ่
ปรากฏว่า ร่างนี้พังไปเลย เกิดไฟเผาไหม้เป็นเถ้าถ่านจมหายไปในแผ่นดิน เกิดความรู้สึกขึ้นมาเหมือนครั้งอยู่วัดเลียบและที่กรุงเทพฯ ซ้ำขึ้นมาอีก
เป็นครั้งที่ 3
เวทนาและความวิตกกังวลทั้งหลายหายหมดสิ้น เหลือแต่ปีติ สุขและเอกัคคตา เกิดความรู้แปลกประหลาดขึ้นมา
สุตตาวะโต จ โข ภิกขะเว
อสุตตาวะตา ปุถุชชะเนวนาปี
ภควา มูละกะโน ภันเต ภะคะวัง
เนตติกา ภะคะวัง ปฏิสสะระณา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุโยคาวจรเจ้า ผู้ได้ศึกษามาก็ดี ภิกษุโยคาวจรเจ้าที่ไม่ได้ศึกษา เพราะความที่ตนเป็นปุถุชนคนหนาก็ดี ให้เอาพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นมูลเหตุ เอาพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นเนติแบบฉบับ เอาพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นที่พึ่งที่อาศัยเสมอด้วยชีวิต เพราะเรื่องทั้งหลายเหล่านี้แม้แต่พระตถาคตเจ้าก็ได้กระทบกระทั่งมาแล้วอย่างแสนสาหัส
คาถานี้ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาเลย
หากเทียบกับสำนวนเขียน พระอาจารย์วิริยังค์ ซึ่งเสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2512 ก็ตรงกัน
“ขณะที่กำลังเกิดความสว่างผ่องใสอันเป็นภายในนั้น พยายามพิจารณาหาความจริงเพื่อเป็นแนวทางในอันที่จะปฏิบัติตัวตามทำนองคลองธรรมที่แท้จริงและจะได้แนะนำคนอื่นทำให้ถูกทางต่อไป
“จึงได้พิจารณาต่อไปถึงคำว่าพระพุทธองค์ตรัสว่า “ให้เอาเราเป็นเนติแบบฉบับ”
นั่นก็คือ ให้เอาพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นมูลเหตุ เอาพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นเนติแบบฉบับ เอาพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นที่พึ่งอาศัยเสมอด้วยชีวิต”
ตรงนี้เอง คือ บาทก้าวอันสำคัญยิ่งสำหรับ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโ