บทบาท คุณค่า การเมือง “อนาคตใหม่” ในสนาม เป็นจริง : วิเคราะห์การเมือง
บทบาท คุณค่า การเมือง “อนาคตใหม่” ในสนาม เป็นจริง – ต้องยอมรับว่า นับแต่เปิดสภาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 เป็นต้นมา บทบาทของพรรคอนาคตใหม่มีความโดดเด่นและจุดประกายแห่งความหวังเป็นอย่างมาก
เป็นประกายบ่งบอก การเมืองใหม่
ท่วงทำนองการอภิปราย ท่วงทำนองการนำเสนอเนื้อหา ไม่ว่าเมื่ออภิปรายเรื่องนโยบาย ไม่ว่าเมื่ออธิปรายเรื่องงบประมาณก็สร้างความประทับใจ
มีส่วนดึงประชาชนให้สนใจ “สภา” มากยิ่งขึ้น
ยิ่งเมื่อมีการประชุมเพื่อดำเนินการตามญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะ ยิ่งทำให้ความสนใจต่อพรรคอนาคตใหม่พุ่งสูง
จากการอภิปรายต่อร่างพ.ร.บ. “งบประมาณ” สังคมตระหนักในการตระเตรียมและจัดแผนการอภิปรายของพรรคอนาคตใหม่อย่างเด่นชัด
เป็นการตระเตรียมโดยมี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหัวหน้าทีม
กับญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็อยู่ในฐานะหัวหน้าทีมและตระเตรียมตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 มาแล้ว
สะท้อนว่าพรรคอนาคตใหม่มีการวางแผนอย่างรัดกุม
ยิ่งเมื่อมีการอ่านคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ก่อนการอภิปรายทั่วไปเพียง 3 วันยิ่งทำให้สังคมยิ่งรับรู้ว่าฝ่ายที่กุมอำนาจรัฐหวาดเกรงพรรคอนาคตใหม่มากเพียงใด
ในทางกฎหมายฝ่ายที่กุมอำนาจรัฐสามารถยุบพรรคอนาคตใหม่ สามารถตัดสิทธิกรรมการบริหารคนสำคัญๆ เท่ากับเป็นการตัดมือตัดตีนของพรรค อนาคตใหม่
แต่สามารถสกัดขัดขวางได้อย่างสิ้นเชิงหรือไม่
ตอบได้เลยว่าไม่ได้ เพราะว่าคนที่ร่วมตระเตรียมในเรื่องอภิปรายทั่วไปกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มาแต่ต้นอย่าง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ก็ยังอยู่
ทั้งยังมี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มาเป็นกำลังสำคัญอีก
เชื่อได้เลยว่า บรรดา ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่จำนวน 16 คนจะต้องแสดงบทบาทของตนให้สภาได้รับรู้ ให้สังคมได้ตัดสินและประเมินผลอย่างแน่นอน
การเมืองก็เป็นเช่นนี้ ด้านหนึ่ง มีความพยายามในการบดขยี้ ทำลาย สกัดตัดหนทางมิให้ขับเคลื่อน แต่ด้านหนึ่ง ก็มีการต่อสู้ แข็งขืน
การต่อสู้นั่นแหละสร้างชีวิตและจิตวิญญาณ
แม้พรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบด้วยคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ชีวิตและจิตวิญญาณก็ยังดำรงคงอยู่และสามารถแสดงให้ประชาชนได้รับรู้
เท่ากับเป็นการดับฝันของผู้กุมอำนาจรัฐลงไป
