ชะลอวัยเร่งด่วน ดูเด็กลงได้จริงหรือแค่การตลาด ฟังกูรูไขข้อข้องใจ

ชะลอวัยเร่งด่วน- เป็นที่นิยมและพูดถึงมากในขณะนี้สำหรับ เอชเอ หรือ ไฮยาลูโรนิก แอซิด ช่วยชะลอวัยได้แบบเร่งด่วน โดยไม่ต้องผ่าตัด

ฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มตัวนี้ สามารถชะลอวัยได้ในชั่วข้ามคืนตามที่โฆษณากันจริงหรือ และปลอดภัยหรือไม่

หมออาร์ม นพ.วรพจน์ ศิรามังคลานนท์ ผู้อำนวยการทางการแพทย์ และผู้ก่อตั้งเฮอร์ทิจูด คลินิก จะมาไขข้อข้องใจ และพูดถึงการฉีดชะลอวัยอย่างถูกวิธี

ผิวคนเราประกอบด้วย 5 ชั้น เวลาฟื้นฟูจึงต้องฟื้นฟูทุกระดับชั้น เชื่อว่าผู้หญิงหลายๆ คนฟื้นฟูผิวชั้นบนอยู่แล้ว พอเราอายุมากขึ้นการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติน้อยลง ผู้หญิงจึงมีวิธีผลัดเซลล์ผิว ทาครีมบำรุง สครับผิวบ้าง ทำให้ผิวด้านบนดูสดใส เนียนเรียบ ไม่มีริ้วรอย จุดด่างดำ

แต่เมื่อเราอายุมากขึ้นเป็นไปไม่ได้ที่ผิวหนังของเราจะเหมือนเดิม ผิวหนังจะบางลงเรื่อยๆ รวมถึงไขมันใต้ผิวที่น้อยลง ทำให้วอลุ่มเริ่มลดลง จะสังเกตได้ว่าเมื่อเราอายุมากขึ้นทำไมแก้มตอบ มีใต้ตา มีร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และเกิดความหย่อนคล้อย

เมื่อความหย่อนคล้อยมากเข้าก็เริ่มมีหนียงที่คาง โดยมีสาเหตุมาจาก ไขมันที่น้อยลงแล้ว และยังมีสาเหตุมาจากคอลลาเจนใต้ผิวที่เรียกว่าเยื่อหุ้มเหนือกล้ามเนื้อเริ่มหย่อนคล้อย ไม่สามารถช่วยพยุงผิวหน้าและกล้ามเนื้อได้ บางคนมีปัญหากล้ามเนื้อเพราะขอบขมวดคิ้ว หรือเวลายิ้มมีริ้วรอยเยอะ หรือติดเลิกหน้าผาก

การชะลอวัยแบบเร่งด่วนด้วยฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็ม

สารเติมเต็มที่หมอใช้กันในปัจจุบันคือ เอชเอ หรือไฮยาลูโรนิก แอซิด ซึ่งเป็นสารให้ความชุ่มชื่นผิวที่มีอยู่ในผิวหนังตามธรรมชาติ มีอยู่ในผิวคนเรา ในข้อเข่า เมื่ออายุมากขึ้นเอชเอในผิวหนัง และข้อเข่าก็ลดลง ทำให้ผิวบางลง ขาดวอลุ่ม ทำให้เกิดริ้วรอยความหย่อนคล้อย ส่วนเอชเอที่เข่าน้อยลงเข่าก็จะดังก๊อกแก๊ก เกิดข้อเข่าเสื่อมได้

เอชเอเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่จับเป็นก้อน ไม่อักเสบ และไม่ตกค้าง เมื่อเราเติมสารชนิดเดียวกับผิวโอกาสที่จะก่อให้เกิดอาการแพ้จึงน้อยมาก แต่เนื่องจากเป็นสารชนิดเดียวกับผิว ร่างกายจึงสามารถย่อยสลายสารนี้ออกไปได้

ส่วนจะเร็ว หรือช้าขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน ในบางคนสารอาจย่อยสลายเร็วมาก บางคนช้ามาก แต่ค่าเฉลี่ยส่วนใหญ่แล้ว ถ้าใช้เป็น Juvederm Voluma ค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 24 เดือนหรือ 2 ปี บางคนอาจเร็วกว่านั้นเล็กน้อย บางคนก็ยาวนานกว่านั้น

แต่ก็มีฟิลเลอร์ชนิดอื่น สารเติมเต็มที่ให้ความชุ่มชื่นผิวที่ใช้เติมริมฝีปากจะมีอายุราว 6-8 เดือน แล้วสลายไป ซึ่งฟิลเลอร์แต่ละตัวมีอัตราการสลายไม่เท่ากัน

เอชเอเป็นฟิลเลอร์กลุ่มชั่วคราว คืออยู่ได้ไม่เกิน 2 ปี แตกต่างจากฟิลเลอร์กึ่งถาวร หรือถาวร ซึ่งอย.ไทยไม่อนุญาตให้ใช้รักษาคนไข้ เนื่องจากผลข้างเคียงที่อาจรักษาได้ยาก ไม่ว่าฟิลเลอร์กึ่งถาวรที่กระตุ้นให้ผิวสร้างพังผืด ทำให้ใบหน้าผิดรูปและรักษาได้ยาก หรือฟิลเลอร์ถาวร เช่น ซิลิโคน ห้ามใช้กันมานานแล้วแต่ก็ยังมีการแอบใช้เนื่องจากราคาถูก

ซิลิโคนข้อดีคือ ราคาถูก ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แต่ข้อเสียคือฉีดเข้าไปแล้วไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ เอาออกไม่ได้ต้องผ่าตัด เมื่ออยู่ในผิวนานๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผิว เเกิดพังผืดเป็นก้อน ไหล ห้อยย้อย ซึ่งเป็นผลจากลิควิดซิลิโคน ส่วนซิลิโคนแข็งที่ใช้ผ่าตัดเสริมความงามยังได้อยู่

ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์

ก่อนอื่นต้องดูว่าคนไข้มีปัญหาอะไร เริ่มจากการดูสัดส่วนของใบหน้า ด้านบน กลาง และด้านล่าง ควรเป็นสัดส่วน 1-1-1 เช่นบางคนด้านล่างยาวก็จะดูคางยื่น บางคนจมูกสั้นก็จะดูหน้ายุบ ทุกอย่างจะมารวมกันตรงกลาง หรือบางคนหน้าผากกว้างมาก

และตรวจเช็กดัชนีใบหน้า ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดโครงหน้า คือการดูความกว้างของใบหน้าส่วนบน ส่วนกลาง และล่าง ต้องปรับวอลุ่มใบหน้าแต่ละส่วนให้ลงตัว รวมถึงความกว้างของตา ความกว้างของจมูก ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่คนเอเชียจะมีเนื้อจมูกที่ใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย ความกว้างคาง รวมถึงการวัดมุมหน้าทั้ง 2 ด้าน

คนมักกังวลเรื่องใบหน้าไม่เท่ากัน พระเจ้าไม่ได้สร้างคนให้เกิดมาเพอร์เฟ็กซ์ เพราะฉะนั้นคนทุกคนจะมีใบหน้าที่แตกต่างกันเล็กน้อย แค่ถ้าแตกต่างกันไม่เกิน 5-10% ถือว่าเล็กน้อย จึงไม่จำเป็นต้องเสริมแต่งให้ใบหน้าเท่ากันเป๊ะๆ เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์

มีงานวิจัยด้วยซ้ำว่าเมื่อนำใบหน้าบุคคลคนหนึ่ง แล้วใช้โฟโต้ชอปแบ่งครึ่ง รูปแรกใช้ใบหน้าด้านซ้ายประกบกับใบหน้าซ้าย รูปกลางเป็นใบหน้าซ้ายบวกขวา คือหน้าธรรมชาติ และรูปสุดท้ายเป็นใบหน้าขวาบวกขวา เช่นนี้รูปแรกและรูปสุดท้ายขนาดของใบหน้าย่อมออกมาเท่ากันล้านเปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อนำทั้ง 3 รูป ไปให้คนทั่วไปลองดูว่าแบบไหนสวยที่สุด ปรากฎว่าคนส่วนใหญ่มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ บอกว่าหน้าแบบที่ไม่เท่ากันเป็นหน้าที่สวยที่สุด

การฉีดฟิลเลอร์อย่างถูกวิธี

หมดยุคแล้วกับการฉีดฟิลเลอร์ในแบบที่มีริ้วรอยตรงไหนก็ฉีดที่จุดนั้น มีริ้วรอยร่องตาก็จิ้มร่องตา มีริ้วรอยร่องแก้มก็จิ้มร่องแก้ม แต่หมอต้องรู้ถึงอนาโตมี หรือโครงสร้างทางกาย คือเมื่ออายุมากขึ้นอะไรที่เปลี่ยนไปต้องไปแก้ที่สาเหตุ และจะแก้ปัญหาคนไข้ได้เป็นธรรมบาติมากกว่า ถ้ามัวแต่ลบรอย หน้าคนไข้จะออกมาไม่เป็นธรรมชาติ

เช่น เมื่ออายุมากขึ้น ไขมันใต้โหนกแก้มหายไปจะทำให้เกิดความหย่อนคล้อย การเติมเต็มสารไฮยารูนิก แอซิด ใบหน้าจะยกขึ้น และจะเห็นว่าเมื่อเราอายุมากขึ้นจะมีไขมันบริเวณใต้ปาก มุมปากที่หายไป จึงต้องเติมเต็มที่จุดดังกล่าวเพื่อยกมุมปากขึ้น ทำให้ดูเด็กลง และหมุนคางลงทำให้ใบหน้าดูเรียวยาว และคางไม่เป็นกระเปาะ

ส่วนริมฝีปากจะมีริ้วรอย ไม่กระชับ อาจเติมสารอุ้มน้ำ เป็นไฮยาลูโรนิก แอซิด แบบที่ให้ความชุ่มชื่นที่ริมฝีปาก

คนที่ฉีดสารเติมเต็มเมื่อวันหนึ่งเมื่อสารสลายไป ใบหน้าจะเหี่ยวเร็วกว่าปกติที่ควรเป็น คำกล่าวนี้จริงหรือไม่

ผิวคนเราเหมือนกับนาฬิกา เดินหน้าไปตามอายุ เมื่อฉีดสารเติมเต็มให้ผิวหน้าจะย้อนวัยทำให้ดูเด็กลง แต่ถึงแม้ฉีดสารเติมเต็มแต่อายุก็เพิ่มตามวันเวลา

ซึ่งหมายความว่าคอลลาเจนและตัวเอชเอใต้ผิวก็ลดน้อยลงตามวัยตามวันเวลาที่เดินหน้า ผ่านไปทุกปีเราก็แก่ตามวัย ขณะเดียวกันเอชเอที่เติมเข้าไปก็มีอายุของมัน เมื่อประสิทธิภาพเริ่มเสื่อม ผิวเราก็เริ่มหย่อนคล้อยตามวัย ดังนั้นจะเห็นว่าความสวยน้อยลงเรื่อยๆ


แต่ถามว่าถ้าไม่เติมอีกจะเหี่ยวกว่าเดิมนั้นไม่ใช่ แต่เป็นการเหี่ยวตามวัย คนไข้หลายคนที่รักษากับผมมาเป็นสิบๆ ปี ก็บอกว่าทำไมเมื่อก่อนเติมสารเติมเต็มแล้วรู้สึกว่าเด็กมากๆ แต่พอผ่านมา 10 ปี มาฉีดแล้วไม่รู้สึกเด็กเท่าเมื่อก่อน ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

คนเราสามารถชะลอวัยได้ เช่น อายุ 40 ปี หน้าเหมือนคนวัย 30 หรืออายุ 50 หน้าเหมือนคนอายุ 40 แต่เราไม่สามารถกระชากวัยได้ จะทำให้คนอายุ 60 หน้าตาเหมือนคนอายุ 18 ปี เป็นไปไม่ได้

หลายๆ อย่างเราไม่สามารถหลอกได้ ดังนั้นคนไข้ต้องรู้ว่าเราจะได้มากน้อยแค่ไหน อย่าคาดหวังเกินความเป็นจริงเพราะจะผิดหวัง เพราะฉะนั้นหน้าที่ของหมออย่างหนึ่งคือต้องอธิบายให้คนไข้ฟังแต่แรกว่า สิ่งที่้เขาจะได้รับมันคืออะไร

และเวลาสวยอย่าสวยเอะอะ แปลว่า เดินออกจากบ้านต้องดูสวยเป็นธรรมชาติ อย่าให้ใครรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไปทำอะไรมา ทำไมหน้าตึงแปลกๆ ทำไมหน้าฟูๆ ปากใหญ่ไม่เป็นธรรมชาติ หน้าดูหลอก เราชะลอวัยได้ แต่อย่ากระชากวัย

เมื่อถึงวันที่เราอายุ 60 ปี แล้วยังดูเหมือนคนอายุ 50 ถือว่าเราเก่งและดูแลตัวเองได้ดีแล้ว

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

งดนวดหน้า อบไอน้ำ ซาวน่า สตีม เลเซอร์ โยคะร้อน เป็นเวลา 2 สัปดาห์เนื่องจากเอชเอยังไม่ผสานไปกับผิว อย่าเพิ่งนวดเพราะอาจเสียทรงได้ อย่าไปโดนความร้อนอาจทำให้ตัวเอชเอ สลาย แต่วันหนึ่งที่เอชเอผสานไปกับผิว ไม่ว่าการนวดหน้า อบไอน้ำ บิดจมูก บิดคาง ก็จะไม่บิดเบี้ยว หรือห้อยย้อยได้

ส่วนการเล่นกีฬา หลังฉีดสารเติมเต็มแล้ว 24 ชั่วโมง ถ้ามั่นใจไม่มีส่วนไหน เจ็บ ระบบ สามารถเล่นกีฬาได้ตามปกติ ช่วงแรกๆ ที่อยากให้งดเล่น เนื่องจากการเล่นกีฬาบางครั้งมีสิ่งสกปรก ฝุ่น ควันต่างๆ ถ้ามาโดนแผลที่โดนเข็มจิ้มมีโอกาสติดเชื้อได้เท่านั้นเอง แต่การรักษาอยู่ภายใต้การปลอดเชื้ออยู่แล้ว ถ้าคนไข้ไม่หาเชื้อโรคมาเพิ่มเติม ไม่จำเป็นต้องกินยาฆ่าเชื้อเลยด้วยซ้ำ

ผลข้างเคียงหลังฉีดสารเติมเต็ม

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดได้หลังการรักษาเป็นเรื่องที่ต้องแจ้งให้คนไข้รับทราบ คนไข้จะได้ไม่มีเซอร์ไพรส์ หลังการรักษาแม้จะบอกว่าเป็นสิ่งที่ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แต่เนื่องจากมีการใช้เข็ม เพราะฉะนั้นคนไข้ต้องเข้าใจไว้เสมอว่ามีโอกาสที่จะเกิดรอยช้ำจากการฉีดยาได้

เมื่อช้ำก็จะมีอาการปวด บวม ตามมา สามารถกินยาลดปวด ประคบเย็น หรือทำคูลเลเซอร์ลดอาการช้ำได้ แต่ส่วนใหญ่อาการช้ำเกิดได้น้อย ฉีด 50-100 เข็ม อาจมี 1-2 จุดที่เกิดรอยช้ำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ

จริงๆ การป้องกันการเกิดรอยช้ำ ต้องเริ่มมาตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมผิว คนไข้ควรหยุดยาอาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย ไม่ว่าจะเป็น ฟิชออยล์ แอสไพริน วิตามินซี วิตามินอี ใบแปะก๊วย ที่ทำให้เลือดลมไหวเวียนดี 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการรักษา

การทำอะไรที่ทำให้ผิวสูญเสียน้ำต้องงด ทั้งการสุบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และควรดื่มน้ำเยอะๆ วันละ 6-8 แก้ว ขึ้นไป ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 เดือน เพื่อให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปฟูมากยิ่งขึ้นทำให้ผิวกระชับ เนียนยิ่งขึ้น

อุทาหรณ์ คลินิกเถื่อนทำสาวหน้าพังติดเชื้อแหก หลังฉีดโบท็อกซ์เถื่อน ทำฟิลเลอร์ ร้อยไหม!

‘หมอโอ๊ค’ บอกเชื่อผมเถอะ อยากสวยต้องดูแลตัวเอง ฉีดโบ-ฟิลเลอร์-เลเซอร์ก็ช่วยไม่ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน