บทเรียนเลือกตั้งซ่อม จุดแข็งตัวบุคคล
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
บทเรียนเลือกตั้งซ่อม – ผลการเลือกตั้งซ่อมนครปฐม ซึ่งเป็นการเลือกเฉพาะ เขต 5 บ่งบอกว่า มีลักษณะเฉพาะของพื้นที่จริงๆ สะท้อนว่าบารมีของตัวบุคคล คือ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พี่ใหญ่แห่งตระกูลที่เรียกกันว่าบ้านใหญ่ เป็นจุดสำคัญที่ชี้ผลการเลือกตั้งครั้งนี้
พรรคอนาคตใหม่ อาจจะมาแรงในเขต 5 นครปฐม ได้ส.ส.ในพื้นที่นี้จากการเลือกตั้งใหญ่ 24 มีนาคม
เป็นการชนะด้วยกระแสความนิยมในพรรคคนรุ่นใหม่ นำการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ มาสู่การเมือง
แต่พอมาถึงเลือกตั้งซ่อมเฉพาะเขตนี้ ก็พ่ายแพ้แก่นายเผดิมชัยในที่สุด
กระแสพรรค กระแสการเป็นฝ่ายค้านต่อสู้กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จึงไม่เหนือกว่ากระแสตัวบุคคล ผู้ทรงบารมีในพื้นที่!
และในทางกลับกัน ฝ่ายรัฐบาลซึ่งอาจจะดีใจที่ทำให้มีส.ส.เพิ่มขึ้นมา 1 ที่ และลดฝ่ายค้านลงไปได้ 1 ที่
แต่ก็ไม่สามารถคุยโม้ได้ว่า ชนะเลือกซ่อมเขต 5 นครปฐม เพราะคะแนนนิยมในรัฐบาล
ยิ่งที่ออกมาพูดว่า แสดงให้เห็นว่าชาวบ้านพอใจในผลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลประยุทธ์
นั่นพูดไป จะยิ่งเข้าตัวเปล่าๆ
เพราะวันนี้เศรษฐกิจการค้าเป็นเช่นไร คนในสามพรานย่อมรู้ดีอยู่แล้ว เหมือนกับที่คนทั้งประเทศซาบซึ้งจนน้ำตาไหล
ไปไหนมาไหนวันนี้ มีแต่คนพูดว่า ปีหน้าระวังกันให้ดี ที่ว่าเผาจริงจะจริงหรือไม่!?
สำหรับพรรคอนาคตใหม่ คงต้องศึกษาเรียนรู้สรุปบทเรียนจากการเลือกตั้งซ่อมหนนี้ ว่าทำไมจึงพ่ายแพ้ ทำไมจึงรักษาเก้าอี้ส.ส.เอาไว้ไม่ได้
ประเด็นที่ต้องวิเคราะห์กันอย่างมากก็คือ คะแนนเลือกตั้งของพรรคตนเอง ที่เคยได้ 3 หมื่นเศษ จนชนะในการเลือกตั้ง 24 มีนาคม
หนนี้ทำไมลดลงไปราว 5 พันเสียง ทำให้พ่ายแพ้ จนร่วงลงไปเป็นอันดับ 2
ที่น่าเจาะลึกรายละเอียดอย่างมากก็คือ คะแนนของคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตื่นตะลึง!!
จากหมื่นเศษในการเลือกตั้ง 24 มีนาคม เข้ามาเป็น อันดับ 4 หนนี้ยกระดับเป็น 3 หมื่นเศษ จนชนะได้เก้าอี้ส.ส.
จาก 12,279 คะแนนเมื่อ 7 เดือนก่อน เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว กลายเป็น 37,675 คะแนนในการเลือกตั้งซ่อม
เป็นเรื่องที่พรรคอนาคตใหม่ หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์คู่แข่งอีกราย น่าค้นคว้าหาคำตอบให้ลึกซึ้ง
แต่นี่ก็เป็นความแตกต่างระหว่างเลือกตั้งใหญ่กับเลือกตั้งซ่อมเฉพาะเขต
ขณะที่จุดแข็งของกระแสพรรคคนรุ่นใหม่ที่กล้าเปลี่ยนแปลงการเมือง ยังต้องรักษาเอาไว้สำหรับยกระดับประชาธิปไตยต่อไป!