บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด

การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รอบวันที่ 1-2 พ.ค. 2561 คาดว่าเฟดน่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ 1.50-1.75% ในการประชุมนโยบายการเงินรอบที่ 3 ของปี 2561 เพื่อรอประเมินพัฒนาการทางเศรษฐกิจสหรัฐ ตลอดจนความเสี่ยงจากประเด็นข้อพิพาทการค้า

ทั้งนี้ ในรายงานเศรษฐกิจของเฟดเดือนเม.ย. 2561 เฟดมีการระบุถึงความกังวลจากผลกระทบของมาตรการ กีดดันการค้าที่อาจจะกระทบต่อภาพรวมของการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยผลของมาตรการกีดกันการค้าที่สหรัฐ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่มีการขึ้นภาษีการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้างโดยรวมมีสัญญาณ ปรับเพิ่มขึ้น

ขณะที่ภาคธุรกิจต่างก็คาดการณ์ว่าราคาสินค้าดังกล่าวจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนข้างหน้า โดยภายใต้สถานการณ์ที่สหรัฐมีความพยายามที่จะปรับลดการขาดดุลการค้ากับหลายๆ ประเทศ อาจส่งผลให้โอกาสที่สหรัฐจะขยายการเก็บภาษีนำเข้าสินค้ารายการอื่นๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่อาจจะมีผลบังคับใช้ในปลายเดือนพ.ค. 2561 หากการเจรจาในการปรับลดการขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐและจีนไม่ได้ข้อยุติ

ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตามคงได้แก่ การประกาศแผนการบริหารหนี้สาธารณะของกระทรวงการคลังสหรัฐ ในวันที่ 2 พ.ค. 2561 ที่อาจเป็นปัจจัยกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลให้มีโอกาสปรับสูงขึ้นได้

สำหรับผลต่อประเทศไทย ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยและสหรัฐที่กว้างขึ้นส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยอยู่ต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ทำให้มีเงินทุนบางส่วนไหลออกจากตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตร และมีส่วนช่วยให้ค่าเงินบาททยอยปรับ อ่อนค่าลง

ทั้งนี้ ต้นทุนทางการเงินของไทยโดยเฉพาะการระดมทุนในตลาดทุนอาจจะมีต้นทุนที่ทยอยขยับเพิ่มขึ้นตามดอกเบี้ยในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจัยที่อาจสร้างความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายคงมีมากขึ้นในระยะข้างหน้า

อย่างไรก็ดี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในประเทศน่าจะยังสามารถทรงตัวในระดับปัจจุบัน ตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่คงจะทรงตัวอีกระยะ และสภาพคล่องในประเทศที่อยู่ในระดับสูง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน