ช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2561 ในสัปดาห์นี้ ทำให้มีประเด็นการประเมินเศรษฐกิจของประชาชนทั่วไปเด่นชัดขึ้น เพราะเป็นช่วงของการใช้จ่ายและต้องดิ้นรนใช้จ่ายของคนกลุ่มต่างๆ ในสังคม
ตัวเลขคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ผู้ปกครองในกรุงเทพฯ และปริมณฑล น่าจะใช้จ่ายด้านการศึกษาสำหรับบุตรหลานในช่วงนี้ คิดเป็นจำนวนเงินสะพัด 27,500 ล้านบาท ขยายตัว 1.9 เมื่อเทียบกับปีก่อน
สภาพการณ์ดังกล่าวน่าจะแตกต่างจากข่าวเกษตรกรในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างต้องนำเอาเครื่องมือการเกษตรไปจำนำกันมาก ไม่ว่ารถไถนา เครื่องสูบน้ำ หรือหัวรถไถนา
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากสภาพเศรษฐกิจตามความเป็นจริง
กรณีดังกล่าวถูกรัฐบาลปรามว่าไม่ควรนำความเดือดร้อนของประชาชนไปเชื่อมโยงกับประเด็นการเมือง
เพราะการนำทรัพย์สินไปจำนำในปริมาณมากช่วงนักเรียนเปิดเทอมเกิดขึ้นมานานแล้ว และถือเป็นเรื่องปกติ
ขณะที่รัฐบาลประกาศว่าห่วงใยและมีทางเลือกให้ประชาชนที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายฉุกเฉิน เช่น ค่าเล่าเรียน ค่ารักษาพยาบาล ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างหลากหลาย โดยไม่ต้องไปกู้นอกระบบอยู่แล้ว
อีกทั้งยังให้โรงรับจำนำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดภาระผู้ปกครอง
Advertisement
จากคำอธิบายทั้งหมดนี้แน่ชัดว่าเป็นประเด็นการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความช่วยเหลือจากรัฐบาลต่อประชาชนในช่วงเวลาต่างๆ รวมถึงช่วงเปิดเทอมนั้น มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
มาตรการและแผนงานที่รัฐบาลใช้หรือจะใช้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนล้วนต้องเป็นประเด็นทางการเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงทางเศรษฐกิจ อันเป็นผลของการบริหารงานของรัฐบาล
การจำนำอุปกรณ์ทางการเกษตรในช่วงนักเรียนเปิดเทอมไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่จังหวัดใด สะท้อนถึงภาวะยากลำบากของเกษตรกรอย่างชัดเจน
เพราะโดยทั่วไปคนมักนำทอง นาก เพชร เครื่องรูปพรรณ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าไปจำนำ ไม่ใช่อุปกรณ์สำหรับการประกอบอาชีพ
ปัญหาอยู่ที่ว่าสภาพเศรษฐกิจแท้จริง กับตัวเลขเศรษฐกิจของรัฐที่สวนทางกันนั้น เป็นประเด็นการเมืองที่ไม่ควรมองข้าม