การนัดพบระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ นายอุตตม สาวนายน และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

ในตอนบ่ายวันอังคารที่ 15 พฤษภาคม ถูกจับตาติดตามอย่างเป็นพิเศษ

ไม่เพียงแต่จากคนในแวดวงการเมือง หากแม้กระทั่งภายในคสช.และภายในรัฐบาล

จุดเร้าอย่างน้อยก็จาก 2 จุดสำคัญ

จุด 1 อยู่ที่ก่อนเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2 คนนั้นพบ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์

จุด 1 แม้ 2 คนนั้นยืนยันว่าเป็นเรื่อง “เศรษฐกิจ”

แต่คำถามที่ตามมาอย่างฉับพลันอยู่ที่เมื่อเป็นเรื่องเศรษฐกิจ เหตุใด นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไม่อยู่ในห้องด้วย

ทั้งๆที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี “เศรษฐกิจ”

เพราะเรื่องนี้มีความน่าสนใจสื่อซึ่งแนบแน่นอยู่กับ “มวลชน”จึงเกาะติดอย่างเป็นพิเศษ

คำถามก็คือ เรื่อง “พรรคการเมือง”หรือไม่

ไม่ว่าจะถามต่อ นายอุตตม สาวนายน ไม่ว่าจะถามต่อ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

เพราะคนหนึ่งเชื่อว่าเป็น หัวหน้าพรรค

เพราะอีกคนหนึ่งเชื่อว่าเป็น เลขาธิการพรรค

แต่ความแหลมคมเป็นอย่างมากหากติดตามการเคลื่อนไหวจากรัฐมนตรีอื่นๆโดยเฉพาะ นายวิษณุ เครืองาม ยืนยันเด่นชัดผ่านโคลงโลกนิติ

เขาบ่เรียก อย่าเพิ่งขึ้นเคหา

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สำแดงท่าทีลด “บทบาท”ไปกับกระแส “นาฬิกา”หรู

บรรดาเพื่อนๆร่วมรุ่นจปร.กับ พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ค่อยๆเงียบหายลงเป็นลำดับ

นี่เป็นเรื่องของ นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างชนิด “สายตรง”

มีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับว่า การก่อรูปของ “พรรคคสช.”เริ่มใกล้กับความเป็นจริง

เห็นได้จากการปรากฏผ่าน “นิด้าโพล”

พรรคพลังประชารัฐคะแนนนำเหนือพรรคประชาธิปัตย์จะยังเป็นรองก็เฉพาะพรรคเพื่อไทยเท่านั้น

นี่ย่อมเป็นจังหวะ 1 ของ “ปฏิบัติการ”ด้าน “การข่าว”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน