การให้สัมภาษณ์ยาวเหยียดจาก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ฉายถึงแนว โน้มและ”ทิศทาง” ในกรณี”ธรรมกาย”

แม้เบื้องต้นจะบอก “ยังไม่ได้รับรายงาน”
แต่หากพิจารณาจากแต่ละ “ท่าที” ก็พอจะสัมผัสได้ถึง “คำตอบ”ได้
1 ได้สั่งการ “กรมสอบสวนคดีพิเศษ”จริง
เป็นการสั่งการให้ประสานและร่วมมือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สำนักงานอัยการสูงสุด
1 ให้นำ”บทเรียน”จากปฏิบัติการใน “อดีต”มาปรับใช้
นั่นก็คือ บทเรียนจากปฏิบัติการสนธิกำลังตามแผนเมื่อเดือนมิถุนายน 2559
และก็ต้องยอมรับว่า “ล้มเหลว”
การล้มเหลวอย่างสำคัญก็คือ แม้จะรุกเข้าไปในวัดพระธรรมกาย แต่ก็ไม่สามารถได้ตัวพระธัมมชโยตาม “หมายจับ”
การเน้นบทเรียนเมื่อเดือนมิถุนายน 2559 สำคัญ
เท่ากับเป็น “คำตอบ” ว่า “ทิศทาง”จะเป็นเช่นใด

ยิ่งหากดูการเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ยิ่งเห็น “เด่นชัด”
เด่นชัด 1 การหารือที่สภ.คลองหลวงระหว่าง”เจ้าหน้าที่”กับ”วัดธรรมกาย”เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ไม่ประสบผลสำเร็จ
เพราะ”วัดธรรมกาย”ไม่ปฏิบัติตาม
เด่นชัด 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษทำหนังสือไปยัง “เจ้าคณะ ใหญ่หนกลาง”
ตัด “เจ้าคณะอำเภอ” ตัด”เจ้าคณะจังหวัด”ออกไป
ข้อเสนอก็คือ ให้จัด”พระภิกษุ”จากหนกลางร่วมกับคณะของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ สูงสุด
นั่นหมายถึง “ปฏิบัติการ”บุกเข้า”จับตัว”

ปัญหาของกรมสอบสวนคดีพิเศษในตอนนี้ก็อีหรอบเดียวกันกับปัญหาเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา
นั่นก็คือ ระบุการดำรงอยู่ของ”พระธัมมชโย”ได้
ขณะเดียวกัน ที่กลายเป็นประเด็นก็คือ ไม่สามารถเจาะจงได้ว่าอยู่ตรงไหนของวัด
เพราะวัดธรรมกายครอบคลุมพื้นที่ 2,000 กว่าไร่
ที่ต้องถอยกลับเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาก็เพราะไม่รู้ตำแหน่งแหล่งที่ของพระธัมมชโยอย่างแท้จริง
และไม่สามารถ”สุ่มตรวจ”ได้ทั้ง 2,000 กว่าไร่
ยิ่งกว่านั้น ยังไม่รู้ว่าศาลอาญาจะมี “คำถาม”ในเรื่องนี้หรือไม่ในการออก “หมายค้น” ประกอบกับ”หมายจับ”
เพราะนั่นคือ “จุดอ่อน”ของเมื่อเดือนมิถุนายน
ความแจ่มชัดของปฏิบัติการ คือ บุกเข้า”จับตัว”แน่นอน แต่จะบุกอย่างไรและแน่ใจแค่ไหน
ว่าจะจับ”พระธัมมชโย”ได้กับมือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน