คําสัญญาจัดการเลือกตั้งต้นปีหน้าของรัฐบาลมีวี่แววจริงจังขึ้นอีก เมื่อรัฐบาลเรียกประชุมพบปะหารือตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั่วไป

สำหรับพรรคการเมือง มีทั้งพรรคเก่าและพรรคใหม่ส่งตัวแทนมาในวันแรกของการประชุม 199 คน จาก 74 พรรค

แต่พรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาลชุดก่อน ซึ่งได้รับผลกระทบใหญ่จากเหตุการณ์รัฐประหารปี 2557 และพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งประกาศนโยบายต่อต้านการแทรกแซงทางการเมืองของกองทัพอย่างเด็ดขาด ไม่ได้เข้าร่วมด้วย

เป็นการแสดงท่าทีที่ชัดเจนต่อทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของทั้งสองพรรค

ประเด็นที่ทำให้การประชุมครั้งนี้ดูสวนทางกับการส่งสัญญาณที่จะปลดล็อกทางการเมืองคือการประชุมลับ ไม่อนุญาตให้นักการเมืองนำโทรศัพท์และเครื่องมือติดต่อสื่อสารเข้ามาในห้องประชุมอย่างเด็ดขาด

พร้อมกับใช้มาตรการให้เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

อีกทั้งยังห้ามสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังเป็นอันขาด และให้มีตัวแทนรัฐบาลเป็นฝ่ายแถลงรายละเอียดเอง

บรรยากาศแบบนี้จึงไม่คล้ายกับว่าจะมีการปลดล็อกเกิดขึ้น กลับไปคล้ายเมื่อครั้งเกิดเหตุรัฐประหารใหม่ๆ ที่ฝ่ายหนึ่งยังคงควบคุมการสื่อสารทั้งหมดไว้ และอีกฝ่ายถูกบีบให้เป็นผู้ปฏิบัติตาม

ไม่น่าจะใช่การตั้งต้นที่ดีนักสำหรับการปูทางสู่การเลือกตั้ง

สิ่งที่ผู้มีอำนาจจัดการเลือกตั้งพึงตระหนักก็คือการฟื้นฟูสู่ประชาธิปไตยนั้นไม่อาจทำด้วยระบบปิดกั้น เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะเท่ากับการใช้ประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือดูหมิ่นและดูถูกประชาชน

ในเมื่อประชาธิปไตยไม่ใช่พิธีกรรม หรือคำพูดสวยหรูที่จะใช้กล่อมผู้คนว่าจะสร้างสิ่งที่สมบูรณ์แบบขึ้นได้

คำกล่าวอ้างว่าต้องการรักษาความสงบเรียบร้อย ก็ไม่ใช่เหตุผลที่รองรับสำหรับการยึดสิทธิ เสรีภาพ และการตัดสินใจของผู้อื่น

เพียงแค่การประชุมเตรียมปูทางสู่การเลือกตั้งยังทำให้ดูลึกลับซับซ้อนเช่นนี้แล้ว น่าหวั่นใจว่าการจัดการเลือกตั้งให้เปิดกว้าง ตรงไปตรงมา และยุติธรรมต่อทุกฝ่ายจะเกิดขึ้นได้อย่างไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน