เหมือนกับ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ จะได้รับการประเมินว่าจะนั่งอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย

แต่ข่าวสารพรรคนี้มักมาจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

เหมือนกับ นายชวน ชูจันทร์ จะอยู่ในฐานะผู้จดแจ้งชื่อพรรคพลังประชารัฐต่อกกต.

และได้รับการประเมินว่าจะมีบทบาทสำคัญ

เพราะไม่เพียงใกล้ชิดกับ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หากยังใกล้ชิดกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี

แต่ข่าวและการเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐมักออกมาจาก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ มากกว่า

ทำไมจึงกลับ”ตาลปัตร” เช่นนี้

ไม่ว่าใครไปสอบถามรายละเอียดเรื่อง”พลังดูด”ล้วนได้รับการปฏิเสธจาก นายจวน ชูจันทร์

แม้ว่าเขาจะรู้ว่าพรรคพลังประชารัฐจะประชุมเมื่อใด

ความเป็นจริงหนึ่งก็คือ นายชวน ชูจันทร์ ยอมรับว่าการเสาะ หาสมาชิกแบ่งสายกันไป ในส่วนของเขารับรู้แต่ในภาคประชาสังคมเท่านั้น

เป็นไปได้ว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หรือแม้กระทั่ง นายภิรมย์ พลวิเศษ เป็น 3 ใน 400 คนหรือไม่ นายชวน จูจันทร์ ก็ตอบไม่ได้

เช่นเดียวกับความคึกคักจากพรรครวมพลังประชาชาติไทยรวมศูนย์มาจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อย่างเป็นด้านหลัก

แม้กระทั่งการลงขันกันคนละ 50,000 บาท

ตั้งเป้าว่าในการประชุมจัดตั้งพรรคในเดือนกรกฎาคมนี้จะต้องได้เงินยืนพื้นไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท

แต่เรื่องอย่างนี้จะไม่ออกจาก นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์

มีความจำเป็นต้องมองกลยุทธ์ไม่ว่าจะจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะจากพรรครวมพลังประชาชาติไทยบนพื้นฐานแห่งความจัดเจนของ “คสช.” เพราะคือกระบวนการในแบบ “ลับ ลวง พราง”

นั่นก็คือ เป็นการลับลวงพรางที่มีแต่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เท่านั้นที่จะรู้อย่างละเอียด เป็นการลับลวงพรางที่ นายชวน ชูจันทร์ ยังไม่จำเป็นต้องรับรู้

ทุกอย่างยังเป็น”แยกกันเดิน” แต่พร้อม”รวมกันเข้าตี”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน