คำแถลงของ พระมหานพพร ปุญญชโย ต่อการเคลื่อนไหวเพื่อ”ถวายฎีกา”ของบรรดา “ศิษยานุศิษย์”
มีลักษณะ “พิเศษ”
ที่จำเป็นต้องให้ “ความสำคัญ” เพราะสถานะของ พระมหานพพร ปุญญชโย นั้นไม่ธรรมดา
ท่านเป็น ผู้ช่วยผู้อำนวยการ “สำนักสื่อสารองค์กร”
นี่คือ หน่วยงานอย่างเป็น “ทางการ” ของวัดพระธรรมกาย ทำหน้าที่คล้ายๆกับเป็น “โฆษก”
กระนั้น ความน่าสนใจเป็นอย่างมาก คือ กระบวนการเคลื่อน ไหวในเรื่อง “ถวายฎีกา” เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พระธัมมชโย
หัวขบวน คือ พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส
โดยที่ พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส คือ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย
ตรงนี้แหละคือ ลักษณะ”พิเศษ”

ความพิเศษอย่างยิ่งอยู่ตรงที่ หนังสือ “ถวายฎีกา” อัน พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ขับเคลื่อน
แถลงจาก พระมหานพพร ปุญญชโย คือ
“มีลูกศิษย์บางกลุ่มปรึกษากันว่าจะไปยื่นถวายฎีกา แต่รายละ เอียดทางวัดพระธรรมกายเองก็ยังไม่ทราบ เพราะไม่ได้ยื่นในนามของวัดพระธรรมกาย”
นี่คือ การตัด “คัตเอาต์”
แยกความสัมพันธ์ระหว่าง “วัดพระธรรมกาย” กับ “คณะศิษยานุศิษย์” ออกจากกัน
นั่นก็คือ “ถวายฎีกา” เป็น”เรื่องส่วนตัว”
1 มิได้เป็นเรื่องของวัดพระธรรมกาย 1 เป็นเรื่องของบรรดา ศิษยานุศิษย์กระทำและดำเนินการกันเอง
ทำไมต้อง “แยกกันเดิน”

สภาพที่ “วัดพระธรรมกาย” แยกกันเดิน แยกกันเคลื่อนไหว สัมผัสได้จากกรณีของ นายองอาจ ธรรมนิทา แล้ว
นายองอาจ ธรรมนิทา มีฐานะเป็น”โฆษก”
แต่มิได้เป็นโฆษกของ “วัดพระธรรมกาย” หากเป็นโฆษกของ “คณะศิษยานุศิษย์”
นั่นก็คือ ไม่เหมือน พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส
นั่นก็คือ ไม่เหมือน พระมหานพพร ปุญญชโย
นี่เป็นผลสะเทือนมาจากการออกมายืนยันว่า พระเทพญาณมหามุนี ยังคงอยู่ภายในวัดพระธรรมกาย ได้กลายเป็น”ข้อมูล”ที่ทางดีเอสไอและทางตำรวจนำไปอ้างอิง
อ้างอิงในการยื่นขอ “หมายค้น”
ทำให้ทั้ง พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ทั้ง พระมหานพพร ปุญญ ชโย ทั้ง นายองอาจ ธรรมนิทา
จำเป็นต้อง “แยกกันเดิน” แยกกัน “แถลง”
แม้จะมีความสัมพันธ์ แต่ก็เหมือนไม่มีความสัมพันธ์ แม้จะเกี่ยวกับ”วัดพระธรรมกาย” แต่ดำเนินไปแบบต่างคนต่างอยู่
เหมือนกับเป็นคนละเรื่อง แต่เป็นคนละเรื่องเดียวกัน

ภาพประกอบจาก www.dmc.tv

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน