หากเริ่มต้นจากบรรทัดฐานที่พรรคอนาคตใหม่วิจารณ์ “พลังดูด”แล้ว “คสช.” แจ้งความกล่าวโทษว่าเป็นการนำข้อความอันเป็นเท็จ ออกเผยแพร่ เป็นการยุยงและสร้างความปั่นป่วนในสังคม

แล้วการที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เสนอบทสรุปผ่านการบรรยายที่สถาบันพระปกเกล้าด้วยประโยคว่า

“การเมืองหลังการเลือกตั้งบอกได้คำเดียวว่าเละ”

พร้อมกับระบุสาเหตุด้านหลักมาจาก “รัฐธรรมนูญ” อันเป็นผลผลิตแห่ง “ระบอบคสช.” ที่ต้องการสืบทอดอำนาจยาวนาน

“คสช.”จะแสดงท่าทีอย่างไร จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายไป “แจ้งความ”กล่าวโทษหรือไม่

บทสรุปของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มิได้เป็นการสรุปตามอารมณ์และตามอำเภอใจ

ตรงกันข้าม เขาได้รับเชิญจาก “สถาบันพระปกเกล้า”

ตรงกันข้าม เป็นการบรรยายให้กับผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง(ปปร.)รุ่น 22

ภายใต้หัวข้อเรื่อง “การปฏิรูปพรรคการเมืองกับการพัฒนาประชาธิปไตย”

“รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ถูกออกแบบมาเพื่อสืบทอดอำนาจระบอบคสช. แม้สุดท้ายคสช.จะสลายตัวไป แต่ระบอบยังคงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี”

พร้อมกับประกาศอย่างห้าวหาญว่า “การเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่โดยความตั้งใจจริง คือเพื่อนำสังคมไทยออกจากวังวนนี้”

ชัดถ้อยชัดคำ ไม่ปิดบังอำพราง

หากเพียงแต่แตะไปยัง “พลังดูด” คสช.ยังร้อนรน เมื่อแตะไปยัง “ระบอบคสช.” คสช.จะมีท่าทีอย่างไร

คำถามนี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานว่าเหตุปัจจัยอะไรทำให้ “คสช.”เพ่งเล็งและสนใจต่อการเคลื่อนไหวของพรรคอนาคตใหม่อย่างเป็นพิเศษ

เหนือกว่าพรรคการเมือง “เก่า”

ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย

เท่ากับให้ความสำคัญกับพรรคอนาคตใหม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน