หากติดตาม “ลีลา” ของ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ภายหลังการถือธูป เทียน ดอกไม้ ไปถอนคำสาบานต่อ”ย่าโม”ในวันสตรีแห่งชาติ

อาจจะเห็นลีลาอันฮึกห้าว เหิมหาญ

เป็นความฮึกห้าวเหิมหาญอย่างสอดรับกับสมญานาม”แรมโบ้อีสาน”อันได้มาอย่างเหมาะเจาะ

ปานๆกับลีลาของ นายภิรมย์ พลวิเศษ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสถาปนาตัวเองเป็น”ผู้ประสานงาน” เพื่อวางแผนพัฒนานครราชสีมาให้ก้าวรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ตามเป้าหมายและความต้องการของ”พลังโคราช”

เหมือนกับจังหวะก้าวนี้จะเปี่ยมด้วยความปรารถนาดีและฉายชี้วิสัยทัศน์อันก้าวไกลและพัฒนา

กระนั้น จังหวะก้าวนี้แหละที่อาจจะ”ล่อแหลม”

อย่าลืมเป็นอันขาดว่าคนที่ประกาศในเรื่องของ”พลังโคราช”เป็นใครและมีบทบาทอย่างไร

ตอบได้เลยว่า เป็น นายภิรมย์ พลวิเศษ

การนำเสนอ “พลังโคราช” ของ นายภิรมย์ พลวิเศษ แม้จะนำเสนอบนพื้นฐานแห่งตำแหน่ง”เลขานุการ”กลุ่มสามมิตร แต่ก็ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตัว

สัมผัสได้จากการชู นายจำลอง ครุฑขุนทด ในฐานะผู้อาวุโส

ขณะเดียวกัน อีกสายตาหนึ่งก็ยังตั้งความหวังไปยังกลุ่มของ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ที่อยู่ระหว่างการต่อสายตรงไปยัง”พี่ใหญ่”แห่งบูรพาพยัคฆ์ในส่วนกลาง

แต่พลันที่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ สถาปนาตนเองเป็น”ผู้ประสานงาน” และต่อสายไปยังประธานกปปส.นครราชสีมา

ตรงนี้อาจไม่สะเทือนแค่ นายภิรมย์ พลวิเศษ

ตรงกันข้าม อาจก่อให้เกิดอาการกระบอกตาร้อนผ่าวมาจากผู้อาวุโสอื่นๆอันประกอบส่วนขึ้นเป็น “พลังโคราช”

คำถามอยู่ที่ว่า ใครกันแน่เป็น”ผู้นำ”พลังโคราช

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อาจติดความฮึกห้าวในแบบ”แรมโบ้”จากบทบาทเมื่อเดือนเมษายน 2552

แต่บทนี้เมื่อมองจาก”กลุ่มสามมิตร”อาจแปลกแปร่ง ไม่ว่าจะจากสายตา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่าจะจากสายตา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หรือแม้กระทั่ง นายอนุชา นาคาศัย ก็ตาม

อีก 2-3 วันอาจมีคำตอบให้ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน