การจากไปของโคฟี อันนัน ด้วยวัย 80 ปี ทำให้นานาประเทศ รวมถึงประเทศไทย ร่วมอาลัยและสดุดีผลงานของอดีตเลขาธิการสหประชาชาติผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้อย่างกว้างขวาง

นายอันนันเป็นนักการทูตที่มีบุคลิกเป็นมิตรจริงใจกับทุกฝ่าย มีบทบาทเด่นในเรื่องการสร้างสันติภาพของโลก

การได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพร่วมกับองค์การสหประชาชาติ เมื่อปี 2544 มีข้อสังเกตว่าเกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุวินาศกรรมครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา จนเกิดการยกทัพทำสงคราม อันน่าวิตกตามมา ประชาคมโลกจึงจำเป็นต้องหาตัวอย่างของการคลี่คลายความขัดแย้งด้วยสันติวิธีทัดทานสงคราม

นายอันนันนำยูเอ็นให้มีบทบาทดังกล่าว จนหมดวาระในปี 2549

บทบาทในฐานะผู้นำการคลี่คลายความ ขัดแย้งหลังพ้นตำแหน่งเลขาธิการยูเอ็นของนายอันนันยังสานต่อมาหลังจากนั้น ในที่นี้รวมถึงบทบาทที่มีต่อประเทศไทยด้วย

นายอันนันเคยให้คำปรึกษากับคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)

มีคำแนะนำต่อประเทศไทยในกระบวน การปรองดอง ว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง ทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่ขัดแย้งทางการเมือง ควรร่วมมือกับ คอป.อย่างจริงจังและจริงใจ มิใช่เพียงพูด

ขณะเดียวกันต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม รู้ว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมแก้ปัญหา โดยใช้ความอะลุ้มอล่วย เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและช่องทางในการพูดคุยกันที่มีประสิทธิภาพ

นายอันนันเคยเตือนด้วยว่าการปรองดองเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลานานและมีความยากลำบาก จึงต้องอดทน

พร้อมกับหวังให้กระบวนการปรองดองนี้ จะดำเนินการไปอย่างมีความต่อเนื่อง เพื่อนำประเทศไทยไปสู่ความเป็นธรรม เป็นประชาธิปไตย และการเคารพสิทธิมนุษยชน

น่าเสียดายว่า คำแนะนำนี้ถูกบั่นทอนอย่างหนักช่วงปลายปี 2556 ด้วยกระบวนการสร้างความเกลียดชัง ซ้ำเติมความขัดแย้งจนนำไปสู่เหตุรัฐประหารในปี 2557

การจากไปของนายอันนันวาระนี้สำหรับคนไทยแล้ว น่าจะช่วยให้หวนกลับไปคิดถึงกระบวนการปรองดองบนเส้นทางเดิม ได้บ้าง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน